W Korea June 2021 / Blowing in the Wind (คิมซอนโฮ)

Blowing in the Wind (คิมซอนโฮ)

คิมซอนโฮในชุดสีฟ้ายืนพิงกำแพง สัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดกลิ่นความชุ่มชื้นของ Kenzo Parfums

“กลิ่นของเธอ ไม่เคยจางหายไปจากตัวฉัน” บทพูดนี้เอ่ยโดยคิมซอนโฮ ในละครเรื่อง <You Drive Me Crazy> ทางช่อง MBC เมื่อ 3 ปีก่อน

จากชายหญิงที่แชร์เรื่องราวความรักและสิ่งเล็กๆน้อยๆด้วยกัน ไปจนถึงเป็นผู้ร่วมเหตุการณ์ตอนอาเจียน และหลังจากใช้เวลาด้วยกันทั้งคืนโดยไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ายหญิงก็เริ่มมุ่งมั่นกับชีวิตตัวเอง ส่วนฝ่ายชายก็เริ่มกังวลทีละนิดๆจากภายใน สุดท้ายฝ่ายชายก็สารภาพเหมือนกับอ้วกที่พุ่งออกมาว่า ‘กลิ่นเธอไม่เคยหายไป’ ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงราวกับสุนัขที่เจ้าของหาย คิมซอนโฮได้โชว์ภาพลักษณ์เหมือนเด็กน้อย ที่ถึงแม้ชอบบ่นพึมพำแต่ก็อ่อนโยน นักแสดงอียูยองที่เล่นคู่กันก็แสดงได้อย่างนุ่มนวลน่าประทับใจ ทั้งคู่เดินเล่นในซอยที่เงียบสงบ กับบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สัมผัสกับกลิ่นเอพริคอต และเมื่อสบตา ทั้งคู่ก็จูบกัน… ‘เพื่อนหญิงและเพื่อนชายคู่นี้ตระหนักถึงความหมายของกันและกัน และพัฒนากลายเป็นคู่รัก’ ละครโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่มีมนต์วิเศษทำให้เรื่องราวชวนใจสั่นไหว ทำไมคลิปละครฉากเดียวในอดีตถึงมียอดเข้าชมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คำตอบคือ เพราะมีคิมซอนโฮ หลังจากละคร <Start-Up> ที่ฉายทางช่อง tvN เมื่อปลายปีที่แล้วจบ ผู้คนก็เริ่มตามหาคิมซอนโฮ และเมื่อได้สัมผัสกับละครเรื่องนี้โดยบังเอิญจากการแนะนำของ Youtube ทุกคนต่างก็เสียดาย ‘เกินไปจริงๆ พวกเราควรจะได้ดูเรื่องดีๆแบบนี้ด้วยกันสิ’

คิมซอนโฮเองก็มีความทรงจำเกี่ยวกับกลิ่นเช่นกัน “ประมาณช่วงมัธยมปลาย ผมมีแฟนครับ พอจับมือ จะมีกลิ่นหอมๆจากมือ ตอนที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นนั้น จู่ๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อยครับ” ตอนที่ใช้ชีวิตอย่างสุดขั้ว ก็เคยได้รับของขวัญเป็นน้ำหอมจากใครสักคน เป็นน้ำหอม Kenzo Parfums “ผมไม่ค่อยชอบน้ำหอมของผู้ชายที่ฉุนเกินไป และให้ฟีลเหมือนผู้ใหญ่ แต่น้ำหอม Kenzo Parfums ไม่ฉุน และให้ฟีลสดชื่นครับ พอใช้น้ำหอมที่ได้รับเป็นของขวัญหมด ผมก็ไปซื้อแบบเดียวกันมาใช้อีกครับ” ในระหว่างที่ดูคิมซอนโฮถ่ายทำคอนเท้นต์ใน Youtube <W Korea> ด้วยคอนเซปต์เดตกับแฟนสาวโดยมีน้ำหอม Kenzo Parfums สองกลิ่นวางอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถามเกี่ยวกับบทที่น่าประทับใจเหมือนหนังสือเรื่อง ‘น้ำหอม’ ของ Patrick Süskind นักแสดงที่ประสบความสำเร็จมักจะมีบทบรรยายสักหนึ่งบรรทัดที่แทนตัวเอง (เหมือนกับบท “ฉันเป็นผู้หญิงสมัยนี้”) ถ้าคิมซอนโฮเป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญโรแมนติก-คอมเมดี้’ แม้จะเป็นเพียงละครฉากเดียว แต่บทพูดก็จะกลายเป็นมีมเหมือนผลงานที่ผ่านมา จริงๆแล้วบทพูดนั้นเกือบจะโดนตัดไปตามความเห็นของผู้กำกับในสถานที่ถ่ายทำ เพราะเป็นการแสดงออกที่จะรับรู้ได้ทันทีเมื่อพูดออกไป “ผมขอลองแสดงดูก่อน ถ้าแปลกๆ ก็จะแก้ไขในภายหลัง ผู้กำกับกล้องก็ช่วยพูดตอนถ่ายทำว่า ควรเก็บบทพูดนั้นไว้ ผู้กำกับเป็นคนที่สุดยอดมากๆครับ หลังจากดูการแสดงของผม ก็บอกทันทีว่า ‘โอเคอยู่นะ!’ แบบนี้ครับ”

หลังละคร <Start-Up> มาจนถึงตอนนี้ คิมซอนโฮในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กลายเป็นคิมซอนโฮที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ <Start-Up> เป็นละครที่ไม่ได้มีเรทติ้งเท่ากับที่คาดหวังหรือคาดการณ์ไว้ แต่ก็มีผู้ชมดูผ่าน Netflix ถึง 190 ประเทศ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น กล่าวได้ว่า ผู้ชมให้การตอบรับคิมซอนโฮ ‘พระรอง’ อย่างล้นหลาม ตัวละครที่เขาแสดงนั้น ไม่ได้เป็นเพียงผู้ชายที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมายในอดีต ซึ่งทำให้ผู้ชมอินตามไปด้วย เป็นละครที่ดีและน่ารัก ซอดัลมี(แพซูจี) หญิงสาวที่แข็งแกร่งและเรียนรู้มากมายจากงานพาร์ทไทม์ต่างๆ, นัมโดซาน(นัมจูฮยอก) วิศวกรอัจฉริยะที่เต็มไปด้วยความสามารถแต่ไม่ค่อยมีเซ้นส์เกี่ยวกับผู้หญิง, ฮันจีพยอง(คิมซอนโฮ) ที่คอยดูแลผู้เริ่มต้นธุรกิจอย่างสุขุม พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงบุคลิก ‘คุณพ่อขายาว’ ในเวอร์ชั่นนักลงทุน ในละครรักสามเส้า เป็นเรื่องปกติที่จะสร้างบทให้ผู้ชมสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ละครเรื่องนี้มีฉากที่ทำให้อยากสนับสนุนตัวละครทุกตัว คิมซอนโฮที่ได้รับข้อความ ‘ยินดีด้วย’ จากเพื่อนในระหว่างที่ละคร <Start-Up> ออนแอร์ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าคำพูดนั้นมีความหมายอย่างไร “ผมได้ถ่ายโฆษณาเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากละคร <Start-Up> จบ แม้จะเป็นโฆษณาที่มีการพูดคุยก่อนละครออนแอร์ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีงานโฆษณาเข้ามาอีกครับ ตอนที่โฆษณาเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็คิดว่า ‘สามารถรู้ได้ว่า ได้รับผลตอบรับที่ดี จากวิธีนี้ด้วยสินะ’”

การถ่ายนิตยสารครั้งแรกในชีวิตของคิมซอนโฮ คือผลงานที่ร่วมงานกับ <W Korea> ฉบับเดือนมกราคม ปี 2019 จำได้ว่าเป็นช่วงบ่ายวันเสาร์ที่หนาวเย็น แม้จะไม่ได้ถ่ายหลายเซ็ต แต่ทีมสไตล์ลิสต์ก็ได้จัดเตรียมชุดอย่างเพียงพอจะถ่ายทำทั้งวัน ราวกับเป็นที่ระลึกการถ่ายนิตยสารครั้งแรกของคิมซอนโฮ ตอนที่พบเขาครั้งแรกนั้น อย่างแรกที่ตกใจเลย ในบรรดานักแสดงชายที่เคยพบ เขามีผิวที่สดใสเคียงคู่กับโจจองซอก ในระหว่างถ่ายทำด้วยใบหน้าที่ขาวใสนั้น ฉันก็มองเขาที่ไม่แสดงออกทางสีหน้าและไม่ค่อยพูด พร้อมกับคิดว่า ‘หรือว่าจะแสร้งทำนะ’ “ตอนนั้นผมตั้งใจไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด แต่ก็ตื่นเต้นมาก เลยมีอาการหูอื้อครับ เสียงกดชัตเตอร์ดังก้องอยู่ในหูเรื่อยๆ…ขนาดตอนนี้ แค่คิดถึงการถ่ายทำตอนนั้น ก็ยังงงๆอยู่เลยครับว่าผ่านมาได้อย่างไร (หัวเราะ)” บทสัมภาษณ์ของเขาในช่วงเวลานั้น มักจะใช้อ้างอิงบทความเกี่ยวกับคิมซอนโฮภายหลังจากนั้นอยู่บ่อยๆ ทั้งการสารภาพที่ไม่เคยวาดฝันว่าจะทำงานต่อหน้าผู้คนได้เพราะเหตุการณ์ร้ายแรงในอดีต การที่ได้เห็นคุณแม่ถูกทำร้ายจนเลือดออกจากการที่โจรเข้าบ้านสมัยเด็ก แต่ว่าเขาก็ตามเพื่อนไปสถาบันสอนการแสดง และได้รับการปลอบใจผ่านคำพูดของคุณครูที่กล่าวว่า “เธอไม่ได้มีปัญหาเรื่องการแสดงหรอก น่าจะมีปัญหาอย่างอื่นมากกว่า?” เขาเริ่มเรียนการแสดงแบบนั้น และเอาชนะความกลัวได้ เป็นเรื่องยากที่จะลืมเรื่องราวของนักแสดงที่เคยพูดว่า ‘ผมไม่รู้แม้แต่วิธีจะสื่อสารและทำความรู้จักกับผู้คนได้อย่างถูกต้อง แต่เพราะการแสดง ทำให้ผมรู้จักกิจกรรมทางสังคม’

เรื่องที่คิมซอนโฮสนใจตอนนั้น กับในตอนนี้ ยังคงเป็นเรื่องเดียวกัน ‘ใช้ชีวิตและแสดงให้ดี’ ดูเหมือนจะไม่มี ‘เรื่องอื่น’ สำหรับเขา เขาคิดว่ามุมมองของเขาค่อนข้างแคบ แต่ก็ช่วยให้พัฒนาในฐานะนักแสดง “แม้จะมีเพียงแค่บทในกระดาษใบเดียว แต่ผมก็ตื่นเต้นมาก ผมไม่มีความคิดที่อยากประสบความสำเร็จ หรืออยากหาเงินได้เยอะๆ ตอนที่ผมเริ่มแสดง คุณพ่อคุณแม่พูดแบบนี้ครับ เพราะว่ายากจนเกินไป เลยไม่สามารถทำตามฝันได้ จึงอยากให้ผมทำตามความฝัน เวลาที่คนรอบตัวถามคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับผม ท่านก็จะบอกว่า ‘ไม่รู้เรื่องอื่น แต่ลูกชายของเรากำลังฝันโดยไม่หยุดพักสักวัน’ ตอนเป็นเด็กผมไม่รู้ว่าจะต้องทำวิธีไหนให้ความฝันชัดเจนขึ้น แต่ว่าผมก็ยังใฝ่ฝันอยู่ทุกวัน” คิมซอนโฮเติบโตในหมู่บ้านคนจนที่อยู่กันอย่างแออัดตามไหล่เขา มีห้องน้ำสาธารณะอยู่ในหมู่บ้าน เช่นเดียวกับปัจจัยที่จำเป็นเพื่อให้ละครประสบความสำเร็จ ‘ชีวิต’ ในอดีตจากละครชีวิตของคิมซอนโฮ ก็น่าจะเป็นส่วนประกอบที่ดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ความยากจนไม่สามารถเป็นอาวุธ หรือช่องว่างสำหรับคิมซอนโฮ พ่อแม่ของเขาส่งเสริมความฝันของลูก พวกเขาให้เงินค่าขนม และบอกว่าไม่ต้องออมไว้เวลาที่อยากซื้อของอร่อยๆกินกับเพื่อน “ผมไม่เคยคิดว่าความจนเป็นปัญหาใหญ่เลยครับ เพราะสภาพแวดล้อมเป็นแบบนั้นเหมือนกันหมด ก็ใช้ชีวิตไปตามสภาพความเป็นอยู่ อ่า สมัยเรียน ครั้งแรกที่ไปคังนัมก็ตกใจอยู่เล็กน้อยครับ ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็มีคำถามในหัวว่า ‘มีโลกที่เราไม่รู้จักด้วยเหรอ?’ ‘ถ้างั้นหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านที่ไม่เหมาะจะอาศัยหรือเปล่า?’ แต่ก็คิดแค่นั้นครับ

คิมซอนโฮเริ่มแสดงละครเมื่อปี 2017 เรื่อง <Good Manager> และเริ่มอาชีพนักแสดงอย่างจริงจังผ่านการแสดงละครเรื่อง <Strongest Deliveryman>, <Two Cops>, < 100 Days My Prince>, < Catch the Ghost> เป็นต้น ในระหว่างนี้เขายังได้เข้าร่วมรายการวาไรตี้ระดับท็อป <2D1N> และได้รับฉายา ‘ต้นอ่อนวาไรตี้’ เป็นเวลา 18 เดือนที่สนุกไปกับรายการ ราวกับรายการวาไรตี้เป็นเวทีของเขา บางครั้งก็แสดงให้เห็นจิตวิญญาณเด็กวัยรุ่นที่ชอบเสียงดัง บางครั้งก็เห็นความชำนาญทางร่างกายจากการเป็นผู้ช่วยศูนย์ฝึกอบรม บทสนทนาของเราเริ่มด้วยเรื่องการแสดง ก่อนจะต่อด้วยการพูดคุยเกี่ยวกับตอนในรายการ <2D1N> มีตอนหนึ่งที่ทดสอบทางจิตวิทยากับเหล่าเมมเบอร์ผ่านภาพศิลปะ คิมซอนโฮถึงกับน้ำตาไหลกับการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาที่กล่าวเมื่อมองรูปภาพของคิมซอนโฮว่า เป็นสัญลักษณ์ของ ‘ความขัดแย้งภายใน’, ความกังวลที่ควรแก้ไข’ ในช่วงต้นที่ถ่ายทำละครที่ช่วยคิมซอนโฮเป็นดาราดัง เขาเผชิญกับความยากลำบากและความสับสนจากปัญหาการใช้โทนเสียงในการแสดง และการตีความบทบาทของเขา สุดท้ายด้วยบรรยากาศในสถานที่ถ่ายทำละครเป็นไปอย่างสนุกสนาน ทำให้เขาหาแนวทางการแสดงได้อย่างถูกต้อง และดูเหมือนเขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานะใหม่ มากกว่าเพลิดเพลินไปกับความนิยมที่ได้รับ

“ไม่นานมานี้ ผมคุยกับเพื่อนว่า ‘มีช่วงที่ทุกอย่างมีความสุขไปหมด แต่พอมีความกังวลบางเรื่องเข้ามาในชีวิต ช่วงที่ไม่รู้สึกสนุกก็เหมือนจะเข้ามาถี่ขึ้นกว่าเมื่อก่อน’ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่สามารถอยู่กับเพื่อนๆที่ร่วมงานด้วยกันในอดีตได้เหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า…ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร แน่นอนว่าการที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานใหม่ๆยังทำให้ผมตื่นเต้น และรู้สึกขอบคุณกับปัจจุบันที่เป็นอยู่ครับ คงจะจริงที่ความกังวลมักจะเพิ่มขึ้นตามความสุขใหม่ๆที่เกิดขึ้น” เพื่อนร่วมงานในอดีตคือคนที่เขาเคยใช้ชีวิตร่วมกันสมัยแสดงละครเวที ความกังวลมักจะเป็นแพ็คเกจคู่สำหรับคนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะทำให้ดี คิมซอนโฮจำได้ว่าเขาเคยใช้ชีวิตแบบไร้ความกังวลใหญ่ๆสมัยที่แสดงละครเวที เป็นช่วงที่สนุกและมีความสุขราวกับนิยาย สัมผัสได้ถึงลมที่พัดผ่านจมูกในขณะที่เดินเล่น คิมซอนโฮเล่าว่า ควอนซึงอู ที่รับบทเป็นพระในวัดนายัก เรื่อง <Vincenzo> ทำให้เขานึกถึงตัวเองเมื่อก่อน “ละครเวทีเป็นผลงานที่ไม่มีกำหนดสิ้นสุดแบบแน่ชัด และกำหนดเวลาดำเนินงานไว้ประมาณ 1-2 เดือน เพราะมีการแสดงที่ยังดำเนินอยู่ การแสดงที่เลือกนักแสดงจากการออดิชั่น จะได้ค่าตอบแทนที่ค่อนข้างดีกว่าครับ ตอนที่ผมได้เข้าร่วมโปรเจกต์ใหญ่แบบนั้นครั้งแรก ซึงอูเคยถามว่ารู้สึกอย่างไร ผมตอบไปว่า ‘มีความสุขมาก ถ้าได้ใช้ชีวิตแบบนี้ ต่อไปคงไม่มีความโลภใดๆอีก’”

คิมซอนโฮได้แสดงให้เห็นว่า ละครเวทีคือ ‘ที่ของเขา ที่ที่ต้องการ’ หลังจากเริ่มการแสดงละครโทรทัศน์ เขาก็ยังกลับไปแสดงละครเวทีอยู่เสมอ เช่น ปี 2017 <Kiss of the Spider Woman>, ปี 2019 <Memory in Dream] เป็นต้น และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เขาก็ได้แสดงละครเวทีเรื่อง <ICE> การแสดงระทึกขวัญที่นำโดยนักแสดงที่รับบทเป็นนักสืบ 2 ท่าน เป็นผลงานของผู้กำกับจางจิน ในบรรดาเหล่าคนที่มีพรสวรรค์จากมหาวิทยาลัย Seoul Institute of The Arts ที่สร้างตำนานให้กับวงการอย่างมากมาย จางจินก็เป็น 1 ในตำนานนั้น และนักเรียนคิมซอนโฮก็เคยเฝ้ามองจากด้านข้าง “ผมเคยทำกิจกรรมกับชมรมละคร เพื่อนข้างห้องจะเป็นชมรมละครการเมือง คนที่ก่อตั้งชมรมนั้นคือ ผู้กำกับจางจินครับ ผู้กำกับจะมาที่ชมรมบ่อยๆ และช่วยสอนรุ่นน้องเด็กๆด้วย…อิจฉามากครับ (หัวเราะ)” จางจินที่เขาได้พบในการทำงาน เป็นคนที่ ‘เหมือนเด็กหนุ่ม และสุภาพ’ เขาคอยกำกับอย่างละเอียด เช่น ท่าทาง น้ำเสียงของตัวละคร จังหวะของบทสนทนา เป็นต้น และยังเป็นผู้กำกับที่กล่าวว่า ‘หวังว่าจะรักษาการแสดงประมาณนี้ไว้’ เพราะคำว่า ‘ประมาณนี้’ ในระดับของจางจินมีอยู่ตลอดระยะเวลาที่ทำงาน ทำให้ช่วยเพิ่มการฝึกซ้อมของนักแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ไม่ว่าใครก็มักจะเห็นจุดบกพร่องของตัวเองมากกว่าจุดเด่นใช่ไหมล่ะครับ? แม้จะคิดในหัวว่า ‘เราก็มีจุดเด่น ต้องรักตัวเองมากกว่านี้’ แต่ก็อยากทำให้ดีมากกว่าเดิมตลอดเลยครับ แต่ว่าผมก็ไม่สามารถทำตามได้อย่างที่ใจคิด” คิมซอนโฮดูเหมือนจะได้รับความแข็งแกร่งจากในอดีต ที่แก้ปัญหาการแสดงละครเวทีด้วยแบบของเขาเอง แต่ก็ยังคงเสียดายกับข้อบกพร่องที่มีอยู่ แน่นอนว่า ถ้าเป็น ‘คนในวงการนั้น’ ไม่ว่าจะทำงานด้านไหน แม้ว่าภายในจะตำหนิตัวเอง แต่ก็จะมีความมั่นใจที่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ เขากล่าวว่า สิ่งที่เขารู้อย่างหนึ่งคือ ‘ผมอาจจะไม่ได้แสดงเก่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงแย่มากนัก’ “ผมพยายามทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่าสิ่งไหนที่ผมทำไม่ได้ อันไหนพอทำได้ อันไหนสามารถทำได้ดีกว่านี้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มพี่ชายพี่สาวนักแสดงที่ยอดเยี่ยมที่ผมคอยติดตามมาทั้งชีวิต ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนครับ ผมได้รับอิทธิพลจากตรงนั้นมา เวลาที่ฟังพวกเขาพูด ‘ฉันถนัดในด้านนี้ เลยมาได้ถึงระดับนี้’ พวกเขารู้แน่ชัดว่าตัวเองเก่งอะไร ในทางตรงกันข้าม คนที่ทำได้ดีอย่างช้าๆ ก็เก่งทุกด้านได้เหมือนกัน ควรจะหาจุดเด่นที่ยอดเยี่ยมสักอย่างก่อนที่จะขยายขอบเขตการแสดง ผมคิดว่าจะง่ายขึ้นในฐานะนักแสดงหลังจากที่ผู้กำกับหาจุดเด่นของเราเจอผ่านผลงานครับ” รู้สึกเหมือนเป็นบทสนทนาเฉพาะคนในวงการเท่านั้น ทฤษฎีของคิมซอนโฮทำให้นึกถึงผู้มีความรู้ทั่วไป กับผู้มีความรู้เฉพาะด้าน

เราได้พูดคุยกันอย่างผ่อนคลายเกี่ยวกับสไตล์การแสดงของนักแสดงบางท่าน คิมโซจินในภาพยนตร์ <The King> ได้กล่าวว่า “เคยมีเหล่าขยะพวกนี้ในประวัติศาสตร์การฟ้องคดีไหมคะ?” คิมซอนโฮชื่นชมในการแสดงทั้งท่าทางและน้ำเสียง สิ่งที่เขาทำได้ดีคือ การแสดงความรู้สึกอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยไหวพริบ (สามารถเช็คได้ในละคร <Welcome to Waikiki 2> ที่อยู่ใน Netflix จะดียิ่งขึ้นเมื่อคุณดูตอนที่ไม่มีเรื่องทำให้หัวเราะ) และในช่วงที่ต้องการการแสดงที่ ‘ลึกซึ้ง’ ก็จะค่อยๆปรับอารมณ์หลากหลายมากขึ้น และพบว่าตัวเองอินกับละคร ถ้างั้นคิดว่า นักแสดงชายคนไหนที่มีการแสดงโดดเด่นและตรงข้ามกับตัวเอง? “ยกตัวอย่าง ถ้าดูการแสดงของรุ่นพี่คิมแรวอน จังหวะจะช้ามากๆ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ยังมีความโรแมนติก ให้ความรู้สึกที่จริงจัง ลึกซึ้ง และจริงใจ ผมอิจฉานักแสดงที่ถ่ายทอดบางอย่างออกมาช้าๆ ราวกับไม่สนใจว่าฉันจะทำออกได้ไม่ดี หรือจะออกมาแตกต่าง เคยย้อนกลับไปดูการแสดงแบบนั้นหลายครั้งด้วยครับ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก นักแสดงที่ผมชอบนั้น มักจะมีบรรยากาศที่อ่อนโยนและเชื่องช้าครับ” สุดท้าย เราควรจะใช้ชีวิตและเลือกสิ่งที่ชอบ แทนที่จะปรารถนาในสิ่งที่เราไม่มีเหมือนคนอื่น เหมือนกับการใช้น้ำหอม Kenzo Parfums ของคิมซอนโฮที่เลี่ยงน้ำหอม ‘ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่’

 

ช่วงนี้คิมซอนโฮกำลังถ่ายทำละคร <Hometown Chachacha> ที่มีกำหนดฉายครึ่งปีหลังทางช่อง tvN เป็นละครที่รีเมคจากภาพยนตร์ <Mr. Hong> ผ่านมา 17 ปีแล้วที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยฉาย และตัวละคร ‘หัวหน้าฮง’ ผู้ว่างงานก็ยังเป็นตัวละครที่โดดเด่น เขาคือผู้ว่างงานที่ดูสะอาดสะอ้าน แต่ว่าก็เป็นชายลึกลับที่ปรากฏตัวราวกับสายลมทุกครั้งที่เกิดเรื่องในหมู่บ้าน ชินมินอารับบทเป็นทันตแพทย์ที่ย้ายมาหมู่บ้านชายทะเล และต้องเข้าไปพัวพันกับหัวหน้าฮง “แต่ละคนมีกลิ่นของตัวเอง แต่ปัญหาคือ มีใครที่จะจำกลิ่นได้ ผมรู้สึกว่าน่าจะมีหลายคนที่จำกลิ่นของคิมซอนโฮได้ ผมตระหนักได้เมื่อไม่นานมานี้ว่า มีหน้าที่ที่สำคัญนอกเหนือจากการทำบทบาทของตัวเองให้ดี ถ้าเป็นนักแสดงนำแล้วอยากให้ผู้คนในสถานที่ถ่ายทำรักและเอ็นดู การสร้างบรรยากาศร่วมกันเป็นสิ่งที่จำเป็น ผมเรียนรู้จากจูฮยอกและซูจีครับ” ช่างน่าสงสัยจริงๆว่าหัวหน้าฮง คิมซอนโฮจะมีภาพลักษณ์แบบไหน การแสดงที่คิมซอนโฮก็เข้มงวดกับตัวเอง, หุ่นที่สร้างความคาดหวังเพิ่มมากขึ้น, ผลงานที่ผสมผสานความโรแมนติกและฮีลลิ่ง จะออกมาเป็นแบบไหนกันนะ ต่อให้บ่นพึมพำ ก็ยังนึกถึงใบหน้าที่แสนใจดีอยู่ดี

ที่มา http://www.wkorea.com/2021/05/26/blowing-in-the-wind-%EA%B9%80%EC%84%A0%ED%98%B8/?fbclid=IwAR2AYLlLbLNAowT_PvIjknFb5-bBL9oS8ZwLm9hSEYBFYi56b6cTGFwyZIU

 

อ่านบทสัมภาษณ์ W Korea ฉบับปี 2019 (สัมภาษณ์นิตยสารเล่มแรกของคุณคิมซอนโฮ)  https://kimseonhothailand.com/w-korea-2019/

Share this:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *