ถ้าปี 2020 คือชีวิตที่หยุดนิ่งของใครหลายๆ คน แต่สำหรับคิมซอนโฮ นักแสดงชาวเกาหลีใต้ พิสูจน์แล้วว่าตรงข้ามกัน ต้องขอบคุณบทบาทในละคร Start-Up ทางช่อง Netflix ที่ออกอากาศเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่นำให้เขาเข้าสู่โลกดาราได้อย่างชัดเจน คิมซอนโฮร่วมแสดงกับนักแสดงชื่อดังอย่างนัมจูฮยอกและแพซูจี เป็นเรื่องราวของ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่พยายามสร้างเส้นทางในโลกของบริษัทสตาร์ทอัพ ในตอนนั้น ผู้ติดตามอินสตาแกรมของเขามี 400,000 คน นักแสดงวัย 35 ปีผู้รับบทพระรองในละครโทรทัศน์เรื่องที่ 8 ของเขา ในช่วงเวลาออกอากาศ 16 ตอน (สองเดือน) ผู้ติดตามอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 3 ล้านคน มันเป็นมากกว่ารักแรกพบ
คิมซอนโฮอาจจะได้รับบทเป็นพระรอง แต่บทบาทของเขาในฐานะฮันจีพยองก็ทำให้เขายากที่จะต้านทานได้ ฮันจีพยองคือคนที่ชายในฝันประจำศตวรรษ 21 ควรจะเป็น : นักลงทุนผู้มีหน้าตาหล่อเหลา อายุยังน้อยและฉลาดหลักแหลม ผู้ใช้ชีวิตเป็นหนุ่มโสดอาศัยอยู่ในที่พักซึ่งมองเห็นวิวแม่น้ำฮันของกรุงโซล เรื่องราวภูมิหลังของเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เด็กกำพร้าที่ไม่มีที่ไป ได้รับความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า คุณย่าที่ยืนเคียงข้างเขาตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบาก ความเย็นชาและสงวนท่าทีของเขาก็พลิกผันจนแสดงให้เห็นถึงด้านที่อบอุ่นและมีเสน่ห์ เรื่องราวของเขา (แม้จะคาดเดากันได้อยู่แล้ว) ก็ทำให้ใครหลายคนต้องอกหัก แต่ถึงอย่างนั้นฮันจีพยองก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม โดยเขาติดอันดับดัชนีชื่อเสียงของแบรนด์สำหรับนักแสดงชาวเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา (ขณะที่ Start-Up กำลังออกอากาศ) และได้รับรางวัล Best Emotive Award จาก 2020 Asia Artist Awards ยังไม่รวมถึงกระแสตอบรับจากแฟนๆ ในโลกอินเตอร์เน็ตที่ต่างปลอบใจกันและกันในตอนจบที่น่าเศร้า
คิมซอนโฮกล่าวถึงความนิยมของตัวละครฮันจีพยองว่า “เหมือนความฝันเลยล่ะครับ มันคือเรื่องราวของคนจนดิ้นรนจนได้กลายเป็นคนรวย เขามีทุกสถานการณ์ที่อยากสัมผัสและ นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดผมให้มารับบทนี้ และผมเดาว่านั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชมถึงได้คิดว่าเขาน่าดึงดูดเหมือนกัน ผมอยากจะฉลาดและเปี่ยมด้วยความสามารถเหมือนกับเขาครับ” คิมซอนโฮได้กล่าวไว้แบบนั้นซึ่งชื่อของเขาได้กลายเป็นชื่อที่แยกไม่ออกจากฮันจีพยอง แต่เราคิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้นอีกต่อไปแค่ไม่นาน
สิ่งที่แฟนๆ นำตัวละครของฮันจีพยองเข้าไปอยู่ในใจของพวกเขานั้น รวมไปถึงทักษะความสามารถของคิมซอนโฮในฐานะนักแสดง ซึ่งทำให้เขาคู่ควรเป็นอย่างยิ่งกับชื่อเสียงที่ตามมา การขยับก้าวสูงขึ้นไปเรื่อยๆคือหนทางเดียวที่จะทำได้ เมื่อคิมซอนโฮก้าวออกจากเงาของฮันจีพยองเพื่อไปต่ออย่างมั่นคง ไม่นานหลังจากที่ Start-Up จบลง คิมซอนโฮก็กลับมายังจุดเริ่มต้นของเขาในฐานะนักแสดงละครเวที เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเขาได้ร่วมแสดงในละครเวทีเรื่อง ICE ละครที่มีตัวหลัก 2 คน ซึ่งตั๋วเข้าชมนั้นขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาที “ผมยังหาตั๋วให้เพื่อนไม่ได้สักใบเลยครับ” คิมซอนโฮกล่าว “ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ ผมรู้สึกดีมากๆ”
ในวงการละครเวที คิมซอนโฮได้สร้างฐานแฟนคลับ เอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าวงการมาเมื่อปี 2009 สมัยก่อนแฟนๆ จะมาต่อแถวยาวไปถึงข้างนอกเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมจนการจราจรติดขัด หลังจากการแสดงจบพวกเขาจะรออยู่บริเวณนั้น โดยหวังว่ามีโอกาสได้พูดคุยกับ คิมซอนโฮและเขาก็ยินดีที่จะทำแบบนั้นเสมอ “ผมซาบซึ้งกับแรงสนับสนุนที่มีให้ครับและผมก็มักจะคิดอยู่เสมอว่าจะปรับปรุงและพยายามทำในสิ่งที่แตกต่างกันออกไปสำหรับการแสดงในอนาคต มันสนุกมากที่ได้พบและทักทายแฟน ๆ ครับ ”
การแสดงบนเวทีคือสิ่งที่คิมซอนโฮตกหลุมรักหลังจากเรียนจนมาจากวิทยาลัย “ผมอยากจะเป็นนักแสดงแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี จึงตัดสินใจพักก่อนหกเดือน วันหนึ่งได้เจอกับรุ่นน้องที่เริ่มแสดงแล้วและเขาถามว่าทำไมผมถึงไม่คิดเรื่องการแสดงบ้างในเมื่อรักละครเวทีขนาดนี้ ก็เลยคิดได้ว่า “เอาจริงเหรอ จะลองทำดูดีไหมนะ” คิมซอนโฮจึงไปออดิชั่นและในที่สุดเขาก็ก้าวสู่การเป็นนักแสดงละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในบทสมทบของละคร Good Manager ปี 2017
ไม่ว่าจะเป็นบนเวทีหรือในจอโทรทัศน์ การแสดงก็เป็นสิ่งที่คิมซอนโฮใฝ่ฝันอยากจะทำมาตลอด แม้หลายคนจะมองว่าการแสดงละครเวทีเป็นเพียงการก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เขาได้กล่าวว่าการแสดงสดนั้นทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างที่ไม่สามารถทดแทนได้ “ในการแสดงละครเวที เราสามารถสื่อสารกับผู้ชมได้ เราจึงสามารถรู้ผลตอบรับได้ในทันที ผมคิดว่าผู้ชมมีส่วนร่วมในการแสดงเช่นกันเพราะเสียงหัวเราะหรือแม้แต่เสียงหายใจของพวกเขากระตุ้นให้เราก้าวต่อไปหรือกระตุ้นให้เราทำอะไรบางอย่างมากขึ้น นั่นคือความรู้สึกยินดีที่ผมไม่อาจลืมได้ครับ”
ในช่วงสั้น ๆ ของหกเดือนที่ผ่านมา ผู้ติดตามอินสตาแกรมของคิมซอนโฮเพิ่มมากขึ้น 1,150%และมี 5 ล้านคนในขณะนี้ (ณ เวลาที่มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์นี้) จึงต้องขอแสดงความยินดีด้วย แน่นอน เขาตอบกลับด้วยการยิ้มเขินๆ และหัวเราะก่อนกล่าวขอบคุณ “ในช่วงแรกตัวเลขมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนผมคอยเช็คยอดผู้ติดตามในระหว่างที่กำลังถ่ายทำเลยครับ มันน่าตื่นเต้นมาก รู้สึกขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจผมครับ”
คำว่า “สนใจ” ยังถือว่าน้อยเกินไป “สนใจอย่างมหาศาล” น่าจะเหมาะกว่า แฟนคลับใหม่ที่เพิ่งหันมาชอบเขาหลังจากที่ได้ดูละคร Start-up เข้าไปอ่านข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตเพื่อทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น ทำให้ Netflix นำละครเรื่อง 100 Days My Prince มาให้รับชมอย่างรวดเร็วหลังจากที่ Start-Up ฉายจบแล้วเพียง 1 วัน บริการสตรีมวิดีโอ Viu ได้รวบรวมผลงานทั้งหมดของเขาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ Good Manager (2017) รับบทเป็นพนักงานบัญชีสุดเนิร์ดและ Welcome to Waikiki 2 (2018) รับบทเป็นนักร้องที่ชีวิตต้องดิ้นรน ไปจนถึงบทบาทในฐานะนักแสดงนำเต็มตัวในเรื่อง Catch the Ghost (2019) ในบทบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้เขายังแสดงในมินิซีรีส์ 4 ตอน You Drive Me Crazy (2018) ซึ่งเขารับบทเป็นศิลปินที่ชอบเก็บตัวซึ่งเป็นบทบาทที่เขาโดนใจมากที่สุด แต่สิ่งที่แฟน ๆ ให้ความสนใจมากที่สุดคือ 2 Days & 1 Night เรียลลิตี้ วาไรตี้โชว์ที่คิมซอนโฮเป็นสมาชิก คอนเซ็ปต์ของรายการนี้คือการพาสมาชิกนักแสดงทั้งหกคน ไปเที่ยวแบบสองวันหนึ่งคืนหลากหลายสถานที่ที่น่าสนใจในประเทศเกาหลีใต้ มีการแข่งขันเพื่อเอาชนะภารกิจต่างๆ ที่มีรางวัลเป็นมื้ออาหารและการนอนในบ้าน รายการจะไม่มีการเขียนสคริปต์ ทำให้สมาชิกสามารถแสดงปฏิกิริยาตอบรับที่เป็นธรรมชาติเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่น่าประหลาดใจหรือตึงเครียด
2 Days & 1 Night นั้นเป็นที่นิยมในหมู่แฟนคลับของคิมซอนโฮเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาได้เห็นอีกด้านของคิมซอนโฮที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ในตอนแรก (ของซีซั่น 4 ตอนที่เขามาเข้าร่วมในฐานะสมาชิกใหม่) ซึ่งออกอากาศในเดือนธันวาคม 2019 คิมซอนโฮมอบ ความบันเทิงให้กับผู้ชมด้วยการเป็นตัวของตัวเอง มือใหม่รายการวาไรตี้ที่ล้มเหลวในภารกิจแรกในการหาทางกลับไปยังกองถ่ายหลังจากถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ตามสถานที่ต่างกัน และเขามาเป็นอันดับสุดท้าย ช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ 26 นาที โดนจับได้ว่าแอบเอาขนมมา (อาหารคือสิ่งที่มาค่ามากในรายการ) และแสดงให้เห็นถึงความไม่คุ้นเคยกับกล้องรายการวาไรตี้โดยหันหลังให้กับกล้อง ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วง 30 นาทีแรกของรายการ
ในตอนเดียวกัน ราวี (วง VIXX ) กล่าวว่าคิมจงมิน นักแสดงมากประสบการณ์ (ซึ่งอยู่ในรายการมา 14 ปี) ทำนายว่าคิมซอนโฮจะเป็นซูเปอร์สตาร์ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับช่วงเวลา ดังกล่าวและถ้าเขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ เขาตอบว่า “รู้สึกมีความสุขมากๆ และผมถาม พี่คิมจงมินว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะและเขาก็ตอบมาว่า “โอ้ ฉันก็แค่พูดไปงั้นเอง” เขาบอกว่าผมมีภาพลักษณ์ที่ดี ผมยังไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์แล้วหรอกนะ และก็รู้สึกขอบคุณมาก”
คิมจงมินเป็นมากกว่าแค่สมาชิกในรายการ เขาคือบุคคลต้นแบบ “เขาเป็นคนจริงจังมากกว่านี้เมื่ออยู่หลังกล้องครับ ระวังตัวเอามาก ๆ เป็นคนจิตใจดี จากการคอยสังเกตเขา ผมก็รู้ตัวว่าถ้าเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง ก็จะสามารถเอาชนะปัญหาที่เผชิญอยู่ได้ ผมได้เรียนรู้ว่าการมีสุขภาพจิตที่ดีนั้นสำคัญและดีอย่างไร เป็นเพราะพี่คิมจงมิน ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาในฐานะนักแสดงและผู้ให้ความบันเทิง ผมจึงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับความสำคัญของการมีทัศนคติที่ดีครับ”
15 เดือนหลังจากที่คิมซอนโฮเข้าร่วมรายการ 2 Days & 1 Nights เขาได้รับรางวัลคนบันเทิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากงาน 2020 KBS Entertainment Awards สาขารายการ วาไรตี้ ไม่ว่าจะเป็นนอนคนเดียวบนทรายในเกาะร้าง เต้นด้วยท่าทางลำบากใจไปกับเพลง Nunu Nana ของเจสซี่ต่อหน้าเจ้าตัว แสดงท่าทางเป็นลูกไดโนเสาร์ที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ การเริ่มต้นในฐานะมือใหม่ที่ขี้อายและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ตอนนี้เขามีไหวพริบอันเฉียบแหลม บางครั้งก็เริ่มเล่นแผลงๆ เพื่อที่จะชนะได้แล้ว จากคนที่มีชื่อเล่นว่า “ตุ๊กตากระดาษ” สำหรับทักษะการเต้นที่เงอะงะของเขา เขาก็ได้พัฒนาจนกลายเป็นคนที่ชนะการออดิชั่นเพื่อไปเต้นในวิดีโอขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี Feel the Rhythm of Korea : Incheon ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์พิเศษครบรอบหนึ่งปีของรายการ 2 Days & 1 Night
แต่ในเกมของรายการเรียลลิตี้โชว์ ความแข็งแกร่งและความเฉลียวฉลาดจะไม่มีค่าอะไรเลยหากปราศจากโชคซึ่งเขาก็ไม่เคยขาดมันเลย จนถึงขั้นที่ว่ามีตอนหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “ตอนพิเศษของคิมซอนโฮ” ซึ่งเขาชนะเกือบทุกเกม “ดวงในรายการของผมนั้นดีมากและคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะบรรดาคนที่น่าทึ่งที่ผมได้ร่วมงานด้วยในกองถ่ายครับ” ทุกวันนี้เขาตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ไปถ่ายทำรายการที่เขา “รู้สึกสนุกมาก” แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดว่าเขาทำภารกิจล้มเหลวจนต้องนอนกลางแจ้งหรือต้องอดอาหาร “ไม่เครียดสักนิดเลยครับ ผมรู้สึกสบายใจที่ได้เล่นและทำงานด้วยกันในกองถ่าย มันสนุกมากครับ”
โชคคือบางสิ่งที่ทำให้นักแสดงผู้ถ่อมตัวได้ตระหนักว่าเขามีมันอยู่ “ผมได้เรียนรู้ว่าผมนั้น โชคดีมาก” เขาถือว่าโชคดีที่เขามีคนดีๆ มากมายที่ทำงานร่วมกับเขา แต่โชคจะไม่เกิดขึ้นหากปราศจากการผสมผสานระหว่างโอกาสและความสามารถซึ่งเป็นสิ่งที่นำเขาไปสู่จุดสูงสุดได้อย่างแท้จริง ทุกวันนี้นอกจากจะถ่ายรายการ 2 Days & 1 Night แล้ว คิมซอนโฮยังงานพรีเซ็นเตอร์จากแบรนด์ไลฟ์สไตล์มากมาย รวมถึงการเตรียมตัวสำหรับละครเรื่องใหม่ของเขาซึ่งจะรับบทนำคู่กับชินมินอา นักแสดงมากประสบการณ์ (ขึ้นปกของเราในเดือนกุมภาพันธ์) ละครแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่จะออกอากาศในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นการรีเมคจากภาพยนตร์เรื่อง Mr. Hong ปี 2004 ละครเรื่อง The Sea Village ChaChaCha คิมซอนโฮรับบทเป็นชายหนุ่มว่างงานอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายทะเล
คิมซอนโฮดูเหมือนจะมีครบไปหมดแล้ว เขาเป็นนักแสดงละครโทรทัศน์และคนบันเทิงที่กำลังเติบโต แม้ว่าจะ “โด่งดังช้า” ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเขาก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ เขาเดบิวต์ในละครโทรทัศน์เรื่องแรกด้วยวัย 31 ปี ช้าไปเกือบสิบปีเมื่อเทียบกับเพื่อนส่วนใหญ่ แต่นั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกกังวลใจ อันที่จริงเขาสร้างเส้นทางอาชีพตามจังหวะของเขาเองและมักจะได้ผลดีที่น่าพอใจ “ถ้าเกิดผมสามารถย้อนเวลาและเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็คงจะไม่สามารถ เดบิวต์ได้อย่างแน่นอน” เขาหัวเราะ “ผมไม่คิดว่าเก่งพอที่จะเดบิวต์ได้เร็วกว่านี้ในโทรทัศน์และก็คิดว่าตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมแล้วครับ จะไม่พูดหรอกนะว่าตอนนี้เก่งแล้ว แต่คิดว่าผมได้ปรับปรุงตัวเองมากพอที่จะสื่อสารตัวละครของตัวเองออกมาได้ดี แถมการเดบิวต์ทีหลังยังช่วยให้มีพื้นฐานการแสดงที่ดีโดยไม่ต้องหยิ่งผยองหรือถูกมองข้ามเกินไป” เห็นได้ชัดว่าคิมซอนโฮเป็นคนที่ค่อนข้างจะถ่อมตัวและเป็นที่รักของผู้อื่นอีกด้วย เมื่อถามว่ามีอะไรที่เขาสามารถภูมิใจได้ไหม “ไม่คิดว่าจะมีอะไรที่จะพูดถึงเป็นพิเศษนะครับ อาจจะเป็นเรื่องลักยิ้มล่ะมั้ง” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา “สมัยเด็กๆ ผมไม่เคยชอบมันเลย แต่เมื่อคนเริ่มเอ่ยชม (ฉายาของเขาคือเจ้าชายลักยิ้ม) มากขึ้นก็ค่อยๆ เริ่มชอบมันแล้วครับ ผมมีดวงตาที่เหมือนคุณแม่และผมก็ชอบมันมากเพราะมีคำกล่าวที่ว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจครับ”
หากปี 2020 คือตัวกำหนดอาชีพสำหรับคิมซอนโฮ ปี 2021 ก็จะยิ่งต้องใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เขาหวังจะได้ยินใครสักคนพูดว่า “ว้าว นึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครเล่นบทนี้ได้อีกนอกจากคิมซอนโฮ” หรือ “ไม่มีใครเล่นบทนี้ได้ดีเท่าคิมซอนโฮอีกแล้ว” แต่ถ้าถามคนที่ได้ดู Start-Up มีโอกาสจะบอกว่า คิมซอนโฮทำได้แล้วจริงๆ
ที่มา https://www.elle.com.sg/2021/04/30/kim-seon-ho-is-on-his-way-to-the-top/
(ซับไทย) Random Question With KimSeonHo ELLE Singapore
Kim Seon Ho: Behind-The-Scenes of ELLE Singapore
This story first appeared in ELLE Singapore’s May 2021 issue.
Photography: Hong Jang Hyun
Styling: Nam Joo Hee
Fashion editor: Jenine Oh
Hair: Lee Hye Young
Makeup: Lee Young
Executive Producer: Lee Kyung Kim / BL Creative House
Coordinator: Park Hee Young
Subject: Kim Seon Ho