[บทสัมภาษณ์] คิมซอนโฮ จากละคร ‘100 Days My Prince’ “ผู้ช่วยศูนย์ฝึกทหารโนนซาน ประสบการณ์ที่ช่วยสร้างความเป็นไปได้”
สุขุมแต่ร่าเริง ขี้อายแต่ก็คูลๆ นักแสดงคิมซอนโฮจะมาโชว์ภาพลักษณ์อันหลากหลายจากบทสนทนาที่คุยกันสั้นๆ
คิมซอนโฮรับบทเป็น จองเจยุน ทหารฮันซองบู (ยุคโชซอน) ซึ่งเหมือนกับตำรวจในปัจจุบัน จากเรื่อง ‘100 Days My Prince’ (บทละคร : โนจีซอล, กำกับ : อีจงแจ) ละครวันจันทร์-อังคาร ซึ่งกำลังออนแอร์ทางเคเบิ้ลทีวีช่อง tvN จองเจยุนที่เป็นลูกนอกสมรส ใช้สติปัญญาและไหวพริบช่วยรักษาความแข็งแกร่งฝ่ายเจ้าชายนึงแฮ นามอียูล (โดคยองซู) ในฐานะขุนนางผู้ภักดี อีกทั้งยังช่วยสนับสนุน ยุนอีซอ (นัมจีฮยอน) รักข้างเดียวของตัวเอง ให้สมหวังกับ อียูล (โดคยองซู)
ตอนสุดท้ายของละคร ‘100 Days My Prince’ ที่ฉายเมื่อวันที่ 30 เดือนที่ผ่านมา ได้เรทติ้งเฉลี่ย 14.4% และสูงสุดที่ 16.7% (อิงจาก Nielsen Korea) จากการจัดอันดับแพลตฟอร์มค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมช่องเคเบิ้ล, IPTV และดาวเทียม จากประวัติดังกล่าว ละครเรื่องนี้จึงประสบความสำเร็จโดยมีเรทติ้งเป็นอันดับ 4 ของละคร tvN ทั้งหมด คิมซอนโฮและนักแสดงคนอื่นๆ ได้โชว์ท่าเต้น ‘Growl’ ของ EXO ที่เคยรับปากเอาไว้ว่าจะเต้นถ้าเรทติ้งขึ้นไปถึง 10% ซึ่งคลิปดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง
หลังจากลงคลิปเต้น ‘Growl’ ก็มีการพูดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งชาวเน็ตและนักแสดง เกี่ยวกับทักษะการเต้นของพวกเขา โดยเฉพาะคิมซอนโฮกับฮันโซฮี ที่ถกเถียงกันว่าใครเต้นแย่ที่สุดผ่านบทสัมภาษณ์อื่น คิมซอนโฮกล่าวว่า “ผมเต้นไม่เก่งเลย แต่พอเห็นว่าโซฮีเต้นได้ดีกว่า ก็เลยรู้สึกเสียใจนิดหน่อย” และบ่นหยอกล้อว่า “ตอนฝึกซ้อม ผมเต้นได้ดีกว่านี้นะ แต่พอมาอยู่ต่อหน้ากล้องแล้วผมประหม่า จริงๆตอนถ่ายคลิป ผมกังวลมาก กลัวคนจะว่าไม่จริงใจ จริงๆตั้งใจฝึกซ้อมมาก แต่ทุกคนมีตารางงานต่อ เลยต้องรีบๆถ่ายให้เสร็จไวๆ ก็เลยเต้นผิดเยอะ พอถ่ายอีกรอบก็เป็นเหมือนเดิม”
คิมซอนโฮกล่าวถึงฮันโซฮีที่ต้องการถกประเด็นนี้ในวันหยุดพักร้อนเดือนธันวาคมว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน้องพูดแบบนั้น” เขากล่าวพร้อมกับหัวเราะ “แม้ไม่รู้ว่าจะถกประเด็นอะไร แต่อันไหนที่ทำไม่ได้ ก็คือไม่ได้แหล่ะ ไม่รู้จะทำให้เราสองคนขายหน้าแทนหรือเปล่า” และพูดคุยอย่างขำขันว่า “ในความคิดผม ผมว่าความสามารถการเต้นเราเท่ากันนะ”
นักแสดงอีมินจี ผู้แสดงเป็นเพื่อนของ ฮงชิม (นัมจีฮยอน) ในหมู่บ้านซงจูฮยอน ของเรื่อง ‘100 Days My Prince’ เคยให้สัมภาษณ์ที่อื่นว่า มีเรื่องเปิ่นๆของซอนโฮ และเรียกเขาว่า พี่ตุ๊กตากระดาษ คิมซอนโฮได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มินจีให้สัมภาษณ์แบบนั้นเหรอ” และเสริมต่อว่า “ช่วงท้ายตอนถ่ายทำ ผมร้อนมาก ก็เลยนั่งทรุดฮวบลงไป อาจเป็นเพราะท่าทางแบบนั้น เลยเรียกว่าพี่ตุ๊กตากระดาษ ตั้งแต่เกิดมา ก็เพิ่งเคยได้ยินคำว่าตุ๊กตากระดาษนี่แหล่ะครับ ผมขอชมอย่างเดียวแล้วกัน มินจีเป็นน้องที่แสดงเก่งและน่ายกย่อง เป็นคนนิสัยตรงมาก อาจเป็นเพราะบทบาทที่ได้รับ ผู้คนเลยไม่รู้ว่าเขาน่ารัก ถ้าได้มารู้จักจริงๆ จะรู้ว่าเป็นเด็กที่น่ารักมาก”
เรื่องเล่าเกี่ยวกับอีมินจี ไม่ได้จบแค่ที่คำชม คิมซอนโฮพูดต่ออีกว่า “สาวเท่ (บทบาทในละคร) จริงๆก็เต้นเก่งแบบนั้นไหมนะ” และเสริมต่อว่า “อย่างไรก็ตาม มันเป็นละครพีเรียด ในละคร ผมมีสิ่งที่ต้องสันนิษฐานมากกว่าคนซงจูฮยอน มีบทพูดยากๆที่เป็นพวกตัวอักษรจีน หรือคำพังเพยภาษาจีนเยอะ แม้กระทั่งต้องพูดภาษาจีนด้วย เพราะฉะนั้นบางทีเลยพูดติดขัดเล็กน้อย มินจีเลยเล่าแบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนโดนจระเข้ฟาดหางเลย”
เมื่อต้องขยายความคำว่า พี่ตุ๊กตากระดาษ คิมซอนโฮก็กล่าวว่า “ผมเป็นคนขี้กลัวมาก มีฉากหนึ่งที่ต้องขี่ม้า ผมก็โยกตัวไปมาอยู่บนหลังม้า แต่ผมมั่นใจว่า โดคยองซู, คิมแจยอง, คังยองซอก ทุกคนต่างขี่ม้าด้วยท่าทางเหมือนกันหมด ผมขี่ได้เก่งสุดเลยนะ ตอนนั้นได้รับคำชมด้วย แต่พอหน้ากล้อง กลายเป็นว่าผมดูอ่อนแอ เปิ่นๆ? ผมยอมรับก็ได้”
ในละคร จองเจยุน ไม่ลังเลที่จะพูดและแสดงความรู้สึกต่อ ฮงชิม ที่เป็นรักข้างเดียว แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็แกลังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดูแตกต่างจากภาพลักษณ์ในชีวิตจริง คิมซอนโฮกล่าวว่า “ตอนเด็ก ผมก็เคยมีประสบการณ์รักข้างเดียว จริงๆแล้วนิสัยไม่ได้เป็นคนพูดตรงๆแบบนั้นครับ ก็คิดเหมือนกันว่าจองเจยุนในละครที่พูดคุยแบบจริงใจแตกต่างกับเรา”
เมื่อถามกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของเพศตรงข้ามที่เป็นสเปค คิมซอนโฮนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะตอบว่า “พูดยังไงดี ถ้าจะให้พูดถึงรูปลักษณ์ ก็น่าจะเป็นหน้าตาแบบคนฝั่งตะวันออก” และ “ผมชอบภาพลักษณ์ที่สดใส มากกว่าความงามแบบผู้หญิงในเมือง”
ช่วงนี้มีคอมเม้นท์ชมมากมายในบทความที่เกี่ยวกับเขา โดยเฉพาะคอมเม้นท์ที่บอกว่าเสียงและลักยิ้มมีเสน่ห์ คิมซอนโฮพูดถึงเรื่องนี้อย่างขอบคุณว่า “ขอบคุณครับ เวลาที่เหนื่อย แล้วได้เห็นคอมเม้นท์ที่ดูการแสดงของผม ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้นจริงๆครับ ขอบคุณที่เขียนบทความดีๆให้นะครับ”
‘100 Days My Prince’ เป็นละครที่ถ่ายจนจบก่อนออนแอร์ เมื่อถามเกี่ยวกับความแตกต่างของละครที่ถ่ายทำก่อนออนแอร์ ในสภาพแวดล้อมการถ่ายทำละครเกาหลีที่รู้กันดีว่าตารางการถ่ายทำแน่นมากแค่ไหน เป็นอย่างไร คิมซอนโฮตอบว่า “การถ่ายทำก่อนไม่ใช่ว่าไม่เหนื่อยเลย การถ่ายทำก่อนก็มีเรื่องที่ยากลำบาก ทุกคนก็พูดแบบนั้นครับ ข้อดีคือ แทนที่จะหาเวลาว่างดูระหว่างถ่ายทำ ก็สามารถชมออนแอร์ได้ในฐานะผู้ชมหลังถ่ายทำเสร็จ”
คิมซอนโฮที่จบจาก Seoul Institute of The Arts เขาชอบแสดงท่าทางเหมือนเป็น ‘คนนอก’ ช่วงที่เป็นนักศึกษา คิมซอนโฮกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ตอนกินเหล้าก็ไม่ค่อยไป ผมอยู่คณะ Broadcasting and Entertainment แต่ก็เข้าแค่คลาสการแสดง เพื่อนร่วมรุ่นผมมี พี่อีดงฮวี, ควอนฮยอกซู พี่อีชีออนก็เพื่อนรุ่นเดียวกัน พอลองย้อนมองไปตอนนี้แล้ว ทุกคนก็ดูแตกต่างจากทุกคนหมด ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษาที่เรียบร้อยกว่าที่คิด ตอนนี้พอผ่านไป 10 ปีแล้ว เหมือนนิสัยจะเปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนไม่ค่อยพูดเลย”
และพูดเกี่ยวกับอีชีออนเพิ่มเติมอีกว่า “ตอนที่เจอกับพี่อีชีออนอีกครั้งในละคร ‘Two Cops’ ผมรู้สึกดีใจมาก และพี่เขาช่วยเหลือเยอะมากจริงๆครับ ได้พูดคุยเรื่องนี้เรื่องโน้นกับพี่เขาเยอะแยะ และพี่เขาก็ช่วยดูแลผมเป็นอย่างดี”
คิมซอนโฮได้เป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารที่ Republic of Korea Army Training Center ชีวิตการเป็นทหารก่อนที่จะเดบิวต์ ทำให้เห็นโลกที่กว้างขึ้น เขากล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “ผมฝึกประจำการอยู่ที่ศูนย์ฝึก ก่อนจะย้ายไปรับผิดชอบเจ้าหน้าที่งานสาธารณะประโยชน์ ตอนนั้น ประสบการณ์ทางอ้อมที่สามารถทำได้บนโลกนี้ ก็ได้ลองทำทั้งหมด ผมต้องให้คำปรึกษากับผู้เข้ารับการอบรม แต่ก็จะมีคนที่เข้ามาช่วงปลายปีจากการเกณฑ์ทหารที่ล่าช้า ในบรรดาคนเหล่านั้น จะมีคนหลากหลายแบบ เช่น คนที่ผ่าตัดแปลงเพศ, คนที่ผ่านเรื่องราวเจ็บปวดทางจิตใจ, คนที่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แล้วส่งพ่อแม่ไปต่างประเทศ เป็นพวกพี่น้องที่แข็งแกร่ง เวลาที่ผมแสดง ก็จะคิดว่า ‘มีอะไรแบบนี้ด้วย’ เป็นกลุ่มทหารที่ช่วยเปิดความคิดที่เป็นไปได้ให้กับผมครับ”
สำหรับคิมซอนโฮตอนนี้ พ่อแม่ก็มีบทบาทต่อเขาเช่นกัน เขากล่าวว่า “แม่ของผมเป็น introvert และเหมือนเด็กสาว” และ “แม่ไม่เคยบอกผมสักครั้งว่าความฝันของเขาคืออะไร” แม้สภาพความเป็นอยู่ในอดีต จะไม่สามารถสนับสนุนได้อย่างเต็มที่ แต่แม่ก็เป็นกำลังใจให้ลูกชายเสมอ คิมซอนโฮกล่าวว่า “แม่มีสิ่งที่อยากทำมาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่เพื่อความฝันนั้นได้สักครั้ง ตอนนั้นเหมือนจะเป็นแบบนั้น เพราะต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เลยไม่มีเวลามาคิดเกี่ยวกับเรื่องความฝัน พอเป็นแบบนั้น ก็เลยหวังว่าลูกจะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเพื่อความฝันของตัวเอง”
เขาเสริมอย่างหยอกล้ออีกว่า “คุณพ่อก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น เขาจะมีมายด์เซ็ตว่า ให้ทำสิ่งที่อยากทำ พ่อเป็นคน extrovert ที่สดใส และเปิดรับทุกอย่าง พ่อเคยเล่าว่าตอนเด็กมีความฝันเยอะ เต้นก็เก่ง ร้องเพลงก็เก่ง ผมควรจะเหมือนพ่อ แต่ก็ดันไปเหมือนแม่ที่เต้นไม่เก่งซะงั้น”
ความฝันของคิมซอนโฮคือ เป็นนักแสดงที่สร้างความสบายใจให้แก่ผู้คน และสามารถแสดงบทบาทได้หลากหลาย เป้าหมายที่ยังคงรักษาไว้ ตั้งแต่สมัยนักศึกษาจนถึงตอนนี้คือ การเป็นคนที่ได้ร่วมผลงานกับคนอื่นๆอีกครั้ง เพื่อที่จะเป็นแบบนั้น ก็ต้องปลูกฝังตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงเท่านั้น แต่รวมถึงบุคลิกภาพ และสิ่งที่ชื่นชอบด้วย “ไม่ว่าจะได้รับบทไหน ผมก็อยากเป็นนักแสดงที่แสดงตัวละครนั้นให้สามารถพบเห็นได้ง่ายในชีวิตจริง” เราจะคอยติดตามภาพลักษณ์ที่สำเร็จตามที่เขาคาดหวังไว้
[SportToday: นักเขียนข่าว คิมฮยอนมิน]
Credit : http://stoo.asiae.co.kr/article.php?aid=50766549044
http://stoo.asiae.co.kr/
มาไล่ตามอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณนักแสดงทุกเล่ม แล้ววรู้สึกอบอุ่นมากเลยค่า เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากๆ
ขอบคุณแอดมินที่แปลให้นะคะ ใช้ภาษาสวย แปลไม่ติดขัดเลยค่ะ 🙂
ขอบคุณมากนะคะที่ติดตาม คุณซอนโฮเค้าเป็นคนอบอุ่นและมองโลกในแง่ดีมากจริงๆค่ะ