รีวิว Touching the Void
*เป็นการรีวิวจากความรู้สึกส่วนตัวในฐานะซอนโฮฮาดาเท่านั้น
โดยจะไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญหรือสปอยล์
แต่เต็มไปด้วยความคลั่งรัก หากใครรับไม่ได้กับความเวิ่นเว่อกรุณาข้ามโพสนี้ไปค่ะ
.
.
การแสดงรอบแรกและการพบกันครั้งแรกของเรา
โจออกมาหลังจากเปิดทำการแสดงไปแล้วประมาณ 15นาที ออกมาทางฝั่งขวามือ(ของผู้ชม) ทันทีที่โจออกมาใจเราที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเต้นแรงมากขึ้นไปอีกจนเรากลัวว่าคนข้างๆจะได้ยิน เพราะในโรงละครผู้ชมเงียบมากๆ พยายามตั้งสติและจดจำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้มากที่สุด
.
คุณนักแสดงคิมซอนโฮออกมาพร้อมกับยิ้มที่เปล่งประกาย ใบหน้าขาวแจ่มใสเหมือนหิมะ ทุกครั้งที่พูดจะเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มช่างน่ารักเสียจริง แต่รู้สึกว่าฟันจะเป็นซี่เล็กๆ กว่าที่คิดไว้ พยายามเพ่งดูขี้แมลงวันที่แก้มซ้าย(ที่แอบหลงใหล) แต่ไม่เห็น น่าจะเป็นการแต่งหน้าที่ปิดไว้ เวลาที่ใช้เสียงเยอะๆ จะมีเส้นเสียงหรือกล้ามเนื้อตรงต้นคอปูดขึ้นมา 2 เส้นที่ด้านซ้าย
ดวงตาที่ดูเหมือนลูกหมาน้อย ไม่รู้ว่าจะเอาคำไหนบรรยายแต่เห็นทุกครั้งต้องนึกถึงแบบนั้น เวลาที่โจพูดถึงการปีนเขามองออกไปไกลๆ ที่เบื้องหน้า จะมีน้ำตาคลอเหมือนดวงดาวระยิบระยับอยู่ในนั้น
.
เราไม่อาจจะบรรยายเครื่องหน้าไปได้มากไปกว่านี้เพราะเราคิดว่าเค้าเหมือนกับที่เห็นมาตลอดผ่านงานแสดงต่างๆ รู้สึกว่าเค้าเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ เพียงแต่พอเค้ามาปรากฎตรงหน้ามันให้ความรู้สึกเหมือนสิ่งที่เราเคยเฝ้ามองอยู่ได้กลายเป็นจริง และคำว่า ”หล่อ” นั้นไม่เพียงพอต่อการให้คำจำกัดความค่ะ
เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยเวลายืนอยู่หน้าเวทีเสียงนั้นยิ่งมีพลังและน่าหลงใหลมากกว่าเดิม เราแอบสงสัยว่าใช้ไมค์หรือเปล่านะ เลยคุยกับเพื่อนอีกคนที่คุ้นเคยกับงานด้านนี้มากกว่าเรา เค้าบอกว่าน่าจะติดไมค์เล็กๆ ที่หลังหูหรือในผมแล้วใช้เทปติดสายสีกลมกลืนไปจนมองไม่เห็น แล้วลำโพงก็ซ่อนอยู่ เซ็ทค่าของเสียงให้เหมือนมีจุดกำเนิดเสียงบนเวที พอได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจ เพราะแค่คิดว่าเค้าต้องพูดเสียงดังมากๆ ตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงคงจะเหนื่อยมาก… แต่เราจะยังไม่พูดถึงการเหนื่อยตอนนี้ถ้ายังอ่านรีวิวไม่จบมีหลายอย่างมากกว่านั้นอีกเยอะ
.
อาจจะเพราะเพื่อให้ผู้ชมได้มองเห็นทั่วถึง คุณเค้าก็จะเดินย้ายไปมาทั่วเวที เราและผู้ชมคนอื่นๆ มองตามเค้าไปทุกจุดเหมือนโดนสะกด แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าเค้าใกล้เข้ามาก็ใจสั่นมากแล้ว ที่คิดไว้ว่าตัวสูงแต่ตัวจริงดูสูงกว่าที่คิด แผ่นหลังกว้างนั้นก็ดูกว้างกว่าเดิม
.
การแต่งตัวค่อนข้างรัดกุมด้วยชุดปีนเขาเสื้อสีเขียว (ชุดเดียวกับที่ถ่ายลง IG thebestplay) มีเครื่องป้องกันสำหรับปีนเขาจริงๆอยู่ทั่วตัว ที่เห็นได้ชัดคือที่เข่าและขา แต่คิดเองว่าน่าจะมีที่หลังและก้นด้วย
เซ็ทผมสบายๆที่ปิดหน้าผากไว้ แต่บางทีก็เสยผมด้วยท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์(นึกออกกันใช่ไหมคะ) เส้นผมนั้นดูอ่อนนุ่มพริ้วไปกับนิ้วสวยๆของเค้า…. การที่เห็นเค้าเสยผมอยู่ตรงหน้าทำให้ต้องแอบกรี๊ดในใจทุกครั้ง
โจกลับเข้าไปแล้วออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อยืดสีขาว….. ให้ตายเถอะ ไม่ได้ทำใจมาเลยค่ะตอนแรกนึกว่าจะต้องเจอโจที่แต่งชุดปีนเขาตลอดเวลา เสื้อยืดสีขาวนั้นเป็นแบบที่เค้าชอบใส่พับแขนเสื้อนิดๆ เวลาขยับตัวก็จะเห็นแผงกล้ามเนื้อชัดเจน ไหล่กว้าง แผ่นหลัง… และกล้ามอก เราคิดว่าซอนโฮฮาดาที่คลั่งรักอ่านถึงตรงนี้แล้วต้องมีกรีดร้องแหละ
.
ตอนนี้โจกลายร่างเป็นโจแสนซนค่ะ
ตอนที่เต้นกับไซม่อนนั้นน่ารักเป็นที่สุด เหมือนโกจีซอกใส่หูฟังแล้วเต้นส่ายดุ๊กดิ๊กๆ ประมาณนั้นเลยค่ะ (ฉากในคลิปนี้ https://www.vlive.tv/video/158937 )
ตอนทำหน้าตาประหลาดๆกวนๆก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม แอบนึกถึงความติ๊งต๊องของชาอูชิก (ที่ต้องยกตัวอย่างเรื่องนั้นเรื่องนี้บ่อยๆ เพราะแค่คำบรรยายอาจจะนึกภาพไม่ออกเราเลยต้องยกตัวอย่างตัวละครที่ผ่านมาที่คล้ายๆกันให้เพื่อนๆทีไม่ได้ดูนึกออกนะคะ)
ไหนจะหยิบแว่นตาสีขาวทรงประหลาดๆที่สุดแสนจะน่ารักนั่นมาใส่อีกเป็นแว่นที่โจพกมาเอง หวังว่าภาพที่ทาง thebestplay หรือภาพจากรอบสื่อ จะปล่อยออกมาจะมีภาพตอนใส่แว่นนะคะ อยากให้ได้เห็นความน่ารักนี้ด้วยกัน
ตรงนี้น่าจะเป็นนิสัยที่เพิ่มขึ้นมาจากต้นฉบับที่คุณเค้าพูดถึงในสัมภาษณ์
.
ในส่วนของการแสดง เรามีคำหนี่งที่ผุดขึ้นมาระหว่างดูการแสดง… เค้าเกิดมาเพื่อยู่บนเวทีนั่นแหละ มันคือที่ของเค้า
อยากให้คุณเค้าอยู่บนนั้นตลอดไป ไม่ว่าจะบทเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็อยากให้ทำการแสดงต่อไปเรื่อยๆ ได้ไหมนะ
เป็นคำขอร้อง….
คุณซอนโฮใช้ทุกส่วนของร่างกายแสดงออกมาเป็นโจ นิ้วมือที่สั่นเวลาสัมผัสอากาศหนาว ปลายเท้าที่บิดงอเพราะขาหักหลังจากได้รับอุบัติเหตุ สายตาที่สื่ออารมณ์ส่งไปถึงผู้ชม ตอนที่เป็นโจที่สดใสในแววตาก็เต็มไปด้วยความฝันของเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าที่อยากไปในที่ที่ยังไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน ตอนที่โจติดอยู่ในภูเขาคนเดียวสายตาเค้าก็เลื่อนลอยมีความสิ้นหวัง โดดเดี่ยว เราคิดว่าซอนโฮฮาดาจะเข้าใจอยู่แล้วว่าเค้าสื่อสารด้วยสายตาเก่งแค่ไหน แต่การได้ไปดูตรงหน้า แบบไม่มีการคัท ไม่มีตัดต่อมันเป็นอะไรที่เกินจินตนาการมากๆค่ะ ยิ่งทำให้ภูมิใจที่เป็นแฟนคลับ
.
นอกจากนั้นยังมีการร้องไห้ระดับเทพ….
เราแบ่งระดับการร้องไห้ของโจเป็น 3 ระดับ
– ระดับต้น แค่ตาแดงๆ มีน้ำตาคลอระยิบระยับแต่ยังไม่หยดลงมา
– ระดับกลาง น้ำตาไหลเงียบๆ เวลาที่น้ำตาไหลจะไหลที่ดวงตาข้างขวามากกว่าซ้าย ริมฝีปากสั่นน้อยๆ
– ระดับสูงสุด ร้องไห้จากความเจ็บปวดสาหัส เป็นการร้องไห้แบบเจ็บเจียนตาย แผดเสียงร้องไห้ น้ำตา น้ำมูก มาพร้อมกันหมด หูก็แดง เนื้อตัวสั่น ใบหน้าที่ขาวสว่างในฉากแรกๆ ก็สีเข้มขึ้น (ตรงนี้อาจจะเป็นการจัดไฟช่วยด้วย) ในระดับต้นและระดับกลาง พวกเราจะพอเคยเห็นบ้างจากผลงานละครที่ผ่านๆมา แต่ระดับสุดท้ายนี้ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นฉากที่ร้องไห้กับฮเยจินหลังจากเสียคุณยายกัมรีค่ะ แต่ในละครเวทีนั้นการร้องไห้หนักกว่านั้นไปหลายเท่า คงเพราะละครเวทีเปิดโอกาสให้แสดงเต็มที่มากกว่าแล้วก็ด้วยบทที่มันเป็นความเจ็บปวดจากขาหักมันเลยเจ็บมากเจ็บลึก
.
เราขอเรียกการร้องไห้ของคุณคิมซอนโฮว่าเป็นการ “ปล่อยของ” โดยปกติเราคนเราจะไม่อยากเห็นคนที่เรารักร้องไห้ใช่ไหมคะ แต่เวลาที่คุณเค้าร้องไห้ เราก็จะเศร้าเสียใจ น้ำตาไหลตามไปด้วย แต่ภายใต้น้ำตานั้นนอกจากความปวดใจแล้วยังเป็นความตื้นตันและภูมิใจอยู่ลึกๆ ในความเก่งของเค้า แอบเผลอลุ้นว่าจะร้องไห้อีกไหม ร้องทีไรคนดูก็ร้องไห้ตามไปด้วย
.
นักแสดงท่านอื่นๆ แสดงดีทุกท่านเลยค่ะ แต่คนที่เราชอบเป็นพิเศษคือนักแสดงซนจียุน รับบทเป็นเซร่า ตลอดเรื่องเราจะได้สัมผัสกับเซร่าที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมรับว่าโจตายแล้ว เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพี่สาวที่มอบให้กับน้องชาย และยังเป็นคนที่ปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ชีวิตของโจ
.
คุณนักแสดงซนจียุนเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกเท่ๆ ผมสั้น แต่งตัวด้วยสูททะมัดทะแมงแต่สวมรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส เราเพิ่งไปค้นดูแล้วพบว่าคุณซนจียุนสูง 163 ซม. !!!! มันน่าตกใจเพราะตอนที่ยืนคู่กับโจนั้นนูน่าดูตัวเล็กๆ มากสูงแค่ไหล่เท่านั้น ไม่ใช่อะไรค่ะนึกเทียบกับสภาพตัวเองที่สูงไม่ถึง 160ซม. เราคงไม่ถึงไหล่สินะ
.
ตอนที่คีบขวดเหล้ากระดกเข้าปาก แล้วเดินมาเปิดเพลงที่ตู้เพลง (เป็นตู้เพลงแบบหยอดเหรียญสมัยเก่า) รู้สึกว่าเค้าเท่มากๆ ถึงแม้ว่าจะตัวสูงแค่บ่าของโจ แต่เวลายืนอยู่ด้วยกันด้วยเป็นนูน่าก็ข่มให้โจกลายเป็นน้องชายตัวเล็กตัวน้อยลงไปซะงั้น มีฉากที่นูน่าประคองมือที่แก้มสองข้างของโจ บีบน้อยๆ จนแก้มเป็นพวงเหมือนตอนที่คุณย่าจับแก้มฮันจีพยอง (นึกออกใช่ไหมคะ) หรือฉากที่โจที่เพ้อแล้วจินตนาการว่าได้นอนหนุนตักนูน่า ล้วนแต่ทำให้นูน่ากลายเป็นพี่สาวแบบพี่สาวจริงๆ พอดูละครรอบแรกเสร็จได้มาอ่านสัมภาษณ์ของคุณซอนโฮที่พูดถึงบทพี่สาวเลยพอเข้าใจเลยว่าหมายถึงอะไร
.
แล้วตอนที่นูน่า ….. ขาข้างที่หักของโจหลายครั้ง (คำในช่องว่าง … น่าจะไม่ควรสปอย ไว้จะมาเล่าอีกทีตอนการแสดงจบไปแล้วนะคะ) ก็เรียลมากค่ะ
แล้วก็มีอีกฉากที่ชอบคือตอนที่โจกางแขนออกกว้างๆ ให้นูน่าเดินเข้ามาหาเพื่อกอดเรางี้กลั้นหายใจเลยค่ะ ส่วนนูน่านั้นก็ …. (น่าจะไม่ควรสปอยฉากนี้ไว้มาเล่าตอนจบโปรแกรมไปแล้วนะคะ)
ถึงจะดูเหมือนอวยว่าชอบนูน่าแต่ก็มีโจมาทุกย่อหน้าเลยนะคะ พอเข้าใจได้แหละว่าเราคลั่งรัก 55555
.
ฉากที่เป็นไฮไลท์ ตอนที่นูน่าอ่านจดหมายสั่งเสียจากโจ
อันนี้ขอแทรกนิดหนึ่งก่อนนะคะ โจกับไซม่อนปีนเขาสไตล์อันไพน์ เป็นภูเขาน้ำแข็ง Siula Grande บนเทือกแอนดีส มีความสูง 6,344 เมตร ซึ่งไม่เคยมีใครปีนมาก่อน เราก็ไม่มีความรู้ด้านการปีนเขาเลยไปหาอ่านเพิ่มเติมจึงทราบว่า “ปีนเขาสไตล์อันไพน์” จะเป็นการปีนเขาสไตล์บริสุทธิ์ที่นักปีนเขาปรารถนา โดยจะไม่มีลูกหาบมาคอยช่วย ไม่มีออกซิเจนพกพา ไม่มีเชือกนำทาง ต้องขึ้นไปและลงด้วยตัวเอง บนภูเขาน้ำแข็งที่ปกคลุมไปด้วยหิมะพร้อมจะถล่มได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นโจและไซม่อนก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าการปีนเขาแบบนี้ยากลำบาก อันตรายและอาจจะเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันได้เสมอ
.
โจก็เลยเขียนจดหมายถึงนูน่าแล้วฝากไว้ที่ไซม่อน “เขาหวังจะปลอบใจนูน่าด้วยจดหมายฉบับนี้ ให้นูน่าจดจำแต่สิ่งดีๆ และให้เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เขาเลือกแล้วถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้นมา โจก็เต็มใจยอมรับ”
บนเวทีตอนต้นจะเป็นเสียงของคุณซอนโฮอ่านนำก่อนนิดหนึ่ง แล้วก็เป็นนูน่าอ่านต่อ เราแอบเห็นผู้ชมหลายๆ คนร้องไห้ตามกันหลายคนเลยค่ะ (เราว่าฉากนี้ไม่ถือเป็นการสปอยเพราะว่าเค้าลงจดหมายในสูจิบัตรไว้อยู่แล้วเลยเล่าเต็มที่ได้เนอะ) ตอนที่ถึงย่อหน้าที่โจบรรยายห้องน้ำที่สวยที่สุดในโลกนูน่าและผู้ชมก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
.
“นูน่า ขอโทษที่ตายนะ ขอโทษจริงๆ แต่อยากให้รู้ไว้ ว่าผมตายพร้อมกับรอยยิ้ม” ประโยคนี้เป็นเสียงของคุณซอนโฮค่ะ
.
ในการแสดงรอบแรกตอนพูดประโยคนี้คุณเค้ายืนอยู่ตรงกลางเวทีแล้วมองมาที่ผู้ชม ตอนนั้นเราคงหูอื้อตาลายไปแล้ว เราไม่มองเห็นโจแต่มองเป็นคิมซอนโฮค่ะ สายตาของเค้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ มันคงเป็นเพราะประสบการณ์ที่พวกเราผ่านมา เราเลยพาลคิดไปเองว่าเป็นคุณซอนโฮพูดกับซอนโฮฮาดา (อันนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวนะคะ) แล้วผู้ชมก็ร้องไห้หนักมากไปอีก
.
แต่ในรอบที่สองของการแสดงคุณซอนโฮมองที่ผู้ชมแล้วพูดแค่ “นูน่า ขอโทษที่ตายนะ ขอโทษจริงๆ” แล้วประโยคหลังก็หันไปมองนูน่าค่ะ อันนี้อาจจะเป็นการดีไซน์การแสดงที่แตกต่างไปในแต่ละรอบเอง เหมือนที่คุณเค้าเคยพูดไว้ว่าเสน่ห์ของการแสดงละครเวทีคือตรงนี้แหละ แล้วหลายๆ จุดก็มีการด้นสด การเปลี่ยนบทกันเอง หรือการหลุดไปนอกบท (หมวกกันน็อคหลุดมือ,นั่งพลาดเกือบตกเก้าอี้) แต่คุณเค้าก็คุมสติกลับมาอยู่กับบทตามเดิมได้ทันที เก่งมากเลยค่ะ แค่คิดถึงสีหน้าเค้าตอนพลาดเกือบตกเก้าอี้แต่คุมสติได้นี่ก็ยังขนลุกไม่หาย ทำไมคนเก่งของพวกเราเก่งแบบนี้นะ
.
ขอพูดถึงฉากปีนเขาบ้าง ตอนแรกเราก็คิดไม่ออกนะว่าจะปีนเขากันยังไง แต่เค้าเฉลยเป็นภาพเวทีไปแล้วงั้นก็ถือว่าเล่าได้นะคะ
บนเวทีที่เป็นฉากลาดเอียงประมาณ 30-45องศาเค้าสมมุติให้ภูเขาที่ปีน ตอนที่โจถูกดึงด้วยสลิงกับคานที่เพดานนั้นน่าหวาดเสียวมากเลยค่ะ
.
เขาห้อยตัวอยู่แบบนั้นประมาณ 5-10 นาทีได้ (เราเรียกอุปกรณ์นั้นไม่ค่อยถูก ให้นึกถึงเบื้องหลังแคชช่าในคลิปนี้นะคะ https://youtu.be/g9njoUhBcgI?t=78
แต่ในละครเวทีจะไม่มีคนประคองไว้เหมือนในแคชช่า โจห้อยโตงแตงแบบนั้นโดยมีขา 1 ข้างพยุงตัวเองไว้ แล้วตัวเค้าอยู่ในมุมระนาบ ถึงแม้จะไม่สูงมาก ในระยะที่เท้าเหยียบถึงพื้น แต่นึกตามแล้วก็คงปวดตัวน่าดู
.
โจปีนป่ายไปทั่วเวทีที่สมมติว่าเป็นภูเขาวนไปมาประมาณ 4-5 รอบ ตรงไม้ที่ยื่นขึ้นมาแทนจุดยึดไว้ปีนลองดูในภาพที่ Thebestplay ลงนะคะ จะเห็นไม้ยื่นขึ้นมานิดๆ กระจายห่างๆ นั่นแหละค่ะ ใช้แค่นั้นปีน คุณเค้าต้องซ้อมแล้วซ้อมอีกหนักแค่ไหนถึงปีนได้คล่องแคล่วขนาดนี้
.
ในรอบการแสดงที่2 มีจังหวะหนึ่งที่หน้าเค้าเกือบกระแทกกับไม้นั้น เราไม่รู้ว่าพลาดหรือตั้งใจ แต่จำได้ว่ารอบแรกไม่มี (ถ้าจำผิดช่วยบอกด้วยนะคะ) ตอนนั้นก็ตกใจเลยค่ะ
ไหนจะกลิ้งจากด้านบนมากระแทกข้างล่างคงจะเจ็บปวดฟกช้ำตามตัวพอสมควร กว่าจะหมดโปรแกรมอีกหลายรอบ หวังว่าคุณเค้าจะไม่มีการบาดเจ็บนะคะ คิดถึงตรงนี้ที่ไรก็ปวดใจค่ะ เข้าใจนะคะว่าเป็นการแสดง แต่พอได้เห็นแล้วก็เจ็บแทน
.
ตามที่เราเล่าไปตอนต้นเค้ามีใส่เครื่องป้องกันร่างกายพอสมควรได้แต่หวังว่ามันจะช่วยให้เค้าเจ็บน้อยลงหรือป้องกันอุบัติเหตุได้
มาถึงตอนนี้โจที่ร้องไห้หนักมากแล้วเหงื่อยังเปียกไปทั่วตัวเพราะการปีนเขา ทั้งเหงื่อ น้ำตา น้ำมูก ตอนถอดหมวกกันน็อคออก ผมก็เปียกลูบติดศรีษะไปเลยน่าสงสารมากเลยค่ะ
.
.
.
…. คนเราอาจจะใช้ชีวิตที่มีความฝันเพื่อตัวเอง แต่ต้องการมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปเพื่อคนอื่น
.
การต่อสู้ดิ้นรนในช่วงท้ายของโจนั้นถึงแม้จะหดหู่เจ็บปวดใจ แต่มันช่วงสร้างกำลังใจให้เราเป็นอย่างดีเลยค่ะ ภายใต้สถานการณ์เลวร้ายขนาดนั้นโจที่บาดเจ็บ โดดเดี่ยว และหิวโหย จนเพ้อเห็นนูน่า โจต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดแล้วยังต้องต่อสู้กับจิตใจของตัวเองที่อยากยอมแพ้ให้กับความตาย มีนูน่านี่แหละที่ช่วยปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ชีวิตของโจ
.
บางทีตอนที่เราเจอปัญหาในชีวิตแบบโจก็อาจจะต้องการที่จะมีนูน่าเพื่อช่วยปลุกจิตวิญญาณในการใช้ชีวิตขึ้นมา
คงเพราะเหตุนี้เราเลยชอบตัวละครนูน่าที่สุด(รองจากโจ)
.
ฉากจบเป็นเพลงซาวด์ประกอบขึ้นมา ตรงนี้ขนลุกมากเลยค่ะ น่าจะเป็นซาวด์ที่ทำขึ้นมาใหม่ ในสูจิบัตรไม่มี เป็นดนตรีที่เต็มไปด้วยความหวัง แล้วผู้ชมก็ลุกขึ้นยืนปรบมือกันยาวนาน แล้วนักแสดงก็โค้งให้ผู้ชมทีละคนโดยไม่พูดอะไร ถึงตอนคุณซอนโฮเสียงปรบมือจะดังเป็นพิเศษ สังเกตว่าก่อนจะโค้งคุณเค้าจะมองกวาดตาไปที่ผู้ชมก่อนเหมือนเป็นการขอบคุณแต่ด้วยเวลาสั้นๆ คุณเค้าจะกวาดตามองช่วงชั้นบนและชั้นล่างที่อยู่แถวหลังๆมากกว่า แถวหน้าอาจจะไม่ได้สบสายตานั้นแต่ก็รับรู้ถึงความรู้สึกขอบคุณที่ส่งมาค่ะ
แล้วเราก็ต้องเดินออกจากโรงละครด้วยตัวเบาหวิวเท้าไม่ติดพื้น
.
นั่งเขียนถึงตรงนี้แล้วภาพเหล่านั้นยังชัดเจนอยู่เลยค่ะ ดีจังที่ยังจำได้ ดีใจที่ไม่ลืมช่วงเวลาดีๆ นี้
แล้วเราก็พยายามอย่างมากที่จะเขียนโดยไม่สปอยล์ หากเป็นเรื่องที่มีในสูจิบัตร ในเรื่องย่อ หรือในรูปที่โรงละครลงเราจะมั่นใจได้ว่าเขียนถึงได้ แต่บางฉากที่มีผลต่อเนื้อเรื่องจะพยายามละไว้ก่อน แล้วตอนจบโปรแกรมเราคิดว่าจะมาเขียนใหม่อีกรอบค่ะ
.
นอกจากจะเป็นการบันทึกความทรงจำและความรู้สึกแล้วเรายังอยากเล่าให้ซอนโฮฮาดาที่ยังไม่ได้ไปชมหรือไม่มีโอกาสได้ไปชมได้เห็นภาพคล้ายๆ กับที่เราเห็น
เชื่อว่าทุกคนอยากไปชมค่ะ แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ทั้งการกดบัตร การเดินทาง หน้าที่การงาน เวลา ครอบครัว เศรษฐกิจ ทำให้ไปไม่ได้
.
เราก็หวังเพียงแค่ว่าเราจะมีส่วนในการส่งต่อความรู้สึกของเราที่ได้ชมในวันนั้นให้กับซอนโฮฮาดาที่ผ่านมาอ่านไม่มากก็น้อย
ขอบคุณทุกคนที่อ่านถึงตรงนี้
วันนี้คุณนักแสดงก็มีรอบการแสดงที่ 3 ตอน 2 ทุ่มเวลาเกาหลี (6โมงเย็นเวลาไทย) พวกเรามาเป็นกำลังใจให้โจไปด้วยกันจนกว่าจะจบโปรแกรมการแสดงนะคะ
.
.
ประมาณพรุ่งนี้เราจะมารีวิวเรื่องการเดินทางไปโรงละคร และการกดบัตรการรับบัตรนะคะ
ปล.มาเพิ่มเติมนะคะ พอดีมีคำถามมาว่า จดหมายสั่งเสียถือเป็นการสปอยล์ว่าโจตายหรือเปล่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มาจากสารคดีเรื่องจริงที่โจและไซม่อนเป็นคนเล่าเรื่องค่ะ เราเคยลงเรื่องย่อไว้แล้ว และผู้ชมส่วนใหญ่จะทราบเรื่องย่อ จดหมายสั่งเสียเป็นเพียงจดหมายสั่งเสียแต่ไม่ได้หมายถึง โจตายค่ะ
อ่านเรื่องย่อได้ตรงนี้ค่ะ >> https://www.facebook.com/media/set/?set=a.457469602809289&type=3
ที่สำคัญเค้าตีพิมพ์จดหมายนี้ในProgram book เลยค่ะ เนื้อหาจดหมาย >> https://www.facebook.com/KimSeonHoThailand/photos/a.107818731107713/481240083765574/
เรามาเพิ่มเติมข้อความไว้เผื่อคนที่อาจจะไม่ได้ดูในเพจทั้งหมดอาจจะไม่ได้เห็นสองโพสนี้ค่ะ
#터칭더보이드
#TouchingTheVoid
#คิมซอนโฮ #kimseonho
#김선호
.
.
.
.
ความสวยงามเวิ้งว้างเบื้องหน้า
ท้องฟ้าที่สดใสเป็นสีน้ำเงินเข้มในตอนกลางวัน
และท้องฟ้าที่ประดับไปด้วยดวงดาวนับพันในค่ำคืนที่มืดสนิท
.
ความฝัน
ความหวัง
การเอาชีวิตรอด
การต่อสู้เพื่อเอาชนะความตายที่กวักมือเรียก
ความหมายของการดำรงชีวิตต่อไป