คิมซอนโฮ, ผู้ชายที่มีแต่รอยยิ้ม
ผู้ชายที่มีแต่รอยยิ้มต่างน่ารักกันทุกคน ในบรรดาคนเหล่านั้น นักแสดงคิมซอนโฮ ผู้โชว์ให้เห็นลักยิ้มทุกครั้งที่หัวเราะนั้น น่ารักที่สุด
เมื่อวานคุณได้รับรางวัล Emotive Awards จากงาน AAA (Asia Artist Awards) ยินดีด้วยนะคะ! รู้สึกถึงการเป็นดาราที่มีชื่อเสียงไหมคะ?
อ่า ไม่ได้รู้สึกถึงชื่อเสียงหรอกครับ แค่รู้สึกดีมากๆ มันดีมากๆแต่ก็มีความคิดว่า ‘ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้นะ?’ แวบเข้ามา แล้วก็ประหม่าด้วยครับ ในขณะที่ถ่ายโฆษณาหรือนิตยสาร ผมตระหนักได้ว่ามีผู้คนชอบมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกทึ่งอยู่ครับ เมื่อไม่นานมานี้ พี่ที่ร่วมแสดงละครเวทีด้วยกันถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนชอบมากขนาดนี้ ผมไม่รู้เลยจริงๆครับ ต้องขอบคุณนักแสดงนำของละคร <STARTUP> ที่ทำให้จำนวนผู้ติดตามอินสตาแกรมเพิ่มขึ้น มีคนต่างชาติมาคอมเม้นต์ก็รู้สึกดีและแปลกใหม่ แต่นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ครับ
ก่อนที่จะเข้าร่วมรายการ <2 Days & 1 Night> เคยพูดไว้ในบทสัมภาษณ์ว่า ห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงรายการวาไรตี้ เพื่อที่จะแสดงละครได้นานๆ ตอนนี้เป็นเพราะวาไรตี้ เลยได้โอกาสแสดงละครนานมากขึ้นไปอีกไม่ใช่เหรอคะ?
ตอนนั้นคิดเยอะมากจริงๆครับ ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีไหม ไม่มีความมั่นใจด้วยว่าจะทำให้ผู้คนชอบตัวตนของผมจริงๆได้ไหม ผมคิดถึงผลกำไรและขาดทุนอย่างใจเย็นกับสตาฟที่ทำงานเพื่อผมอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ หลังจากตัดสินใจแล้ว ก็ต้องตั้งใจเต็มที่อย่างเดียว ช่วงแรกเวลาที่สายตาหันไปเห็นกล้อง หัวใจเต้นแรงมากครับ แม้ว่าเบื้องหลังจะเหนื่อยมาก แต่เอนเตอร์เทนเนอร์ก็จะโชว์ให้เห็นแค่ความสนุกสนานเวลาที่ถ่ายทำ แต่ว่าพอมองพวกเมมเบอร์แล้ว หน้ากล้องกับหลังกล้องเหมือนกันเลยครับ ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้ากล้อง หรืออยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ก็มักจะเล่นหยอกล้อ ทำให้ผมสบายใจขึ้นครับ แค่คิดว่าช่วงที่ชีวิตประจำวันยุ่งๆ แล้วได้ไปถ่ายทำ <2 Days & 1 Night> ได้เจอ ได้ฟังเรื่องดีๆ ก็รู้สึกสบายใจแล้วครับ ฮ่าฮ่า
ที่ถามเพราะไม่คิดว่าจะลงเอยเช่นนี้ จำได้ว่ารู้สึกกังวลกับเมมเบอร์และผู้ชม?
อ่า! เป็นคำพูดที่ไร้สาระจริงๆครับ ผมไม่รู้ว่าจะได้รับความประทับใจจากทุกคนขนาดนี้ รู้สึกดีและอบอุ่นมากๆครับ
‘ฮันจีพยอง’ จากละคร <STARTUP> กลายเป็น ‘เจ้าคนอ่อนโยน’ ต่อหน้า ‘ซอดัลมี’ (แพซูจี) และคุณย่า ‘ชเววอนด็อก’ (คิมแฮซุก) คิดว่าเป็นชื่อเล่นและบทบาทที่เหมาะสมกับคุณซอนโฮที่มีภาพลักษณ์ใจดีได้อย่างลงตัว นักเขียนพัคฮเยรยอนตั้งใจเขียนบทไว้แบบนี้หรือเปล่าคะ?
ชื่อเล่น ‘เจ้าคนอ่อนโยน’ ของฮันจีพยอง ได้กำหนดเอาไว้แต่แรกแล้วครับ ผมมาเข้าร่วมหลังจากที่คุณซูจีกับคุณจูฮยอกแคสติ้งไปแล้วครับ
ตัวอักษรจีนของชื่อคุณซอนโฮ ซอน เขียนด้วยคำว่า 善 (ดี) จากจิตใจดีหรือเปล่าคะ?
ทุกคนมักจะคิดว่าเป็นคำนั้นครับ แต่ ซอน มาจาก 宣 (ผู้ให้) โฮ มาจาก 虎 (เสือ) แปลว่า เสือที่เป็นผู้ให้ ครับ
ผู้คนมักจะคาดหวังว่านิสัยจริงๆจะต้องจิตใจดี เพราะภาพลักษณ์ดูใจดี ไม่กดดันเหรอคะ?
ไม่รู้สึกกดดันครับ แต่ว่าเวลาที่แสดง หวังว่าจะไม่เห็นภาพลักษณ์แบบนั้น เวลาที่แสดงบทตัวร้ายที่มีภาพลักษณ์จิตใจดีก็อาจจะช่วยได้ แต่ก็จะมีส่วนที่พลาดไปด้วย ตอนนี้ก็ยังเป็นจุดที่ผมกังวลครับ
ตอนไหนที่รู้สึกว่าไม่ได้เรื่องที่สุดคะ?
อันดับแรกเลย ตอนที่ถ่าย <2 Days & 1 Night> ไม่ได้เรื่องเลยครับ ฮ่าฮ่า เพราะต้องเล่นตลกเยอะ เทียบกับเวลาแสดงละครแล้ว จะมีแค่ผมที่คิด แม้ผมจะต้องเอาใจใส่นักแสดงฝ่ายตรงข้ามด้วย แต่ผมต้องจัดการความรู้สึกของตัวละครที่จะแสดงก่อน ถึงจะรับความรู้สึกตัวละครอื่นเข้ามาได้
ตอนที่แสดงละครเวที มีช่วงที่คิดว่าจะขยายขอบเขตโดยการแสดงละครโทรทัศน์ไหมคะ?
เมื่อก่อนเคยมีคนสัมภาษณ์ว่า อยากเล่นภาพยนตร์หรือละครมากกว่ากัน นักแสดงส่วนใหญ่ตอบคำถามนั้นว่า ภาพยนตร์ ส่วนผมตอบว่า ละคร แต่ละคนก็มีความคิดแตกต่างกัน แต่พ่อแม่ผมไม่เคยไปโรงภาพยนตร์สักครั้งเลยในชีวิตครับ ในฐานะลูกชาย ผมก็อยากเป็นนักแสดงที่โชว์ให้พ่อแม่ได้เห็น ก็เลยออก TV มากกว่าภาพยนตร์ครับ แต่ว่าโอกาสแบบนั้นก็ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะแบบนั้น ตอนที่แสดงละครเวที <Closer> ก็เลยลองไปออดิชั่นดู โชคดีที่ได้รับบท ‘ซอนซังแท’ ในละคร <Good Manager> ตั้งแต่ตอนนั้นก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นครับ
แฟนคลับที่คอยสนับสนุนนักแสดงละครเวทีคิมซอนโฮมานาน คิดว่าไม่น่าจะยินดีกับสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่ เพราะแฟนคลับที่เข้ามา ส่วนมากก็ปรารถนาที่จะให้อยู่ในฐานะ ‘นักแสดงที่อยากรู้จักฉันเท่านั้น’
ผมคิดว่า แฟนๆเหล่านั้นเป็นคนพาผมมาที่จุดนี้ครับ ช่วงที่รู้สึกแย่กับการที่แสดงออกมาได้ไม่ดี คำพูดจากแฟนๆมีค่ามากจริงๆ เวลาที่แฟนคลับพูดว่า ‘วันนี้แสดงได้ดีมาก’ คำพูดนั้นทำให้รู้สึกผิด และเป็นพลังสำหรับผมครับ ผมคิดว่าพลังนั้น ก่อตัวทีละนิดทีละน้อย จนกลายเป็นเสาหลักที่แข็งแรงครับ แฟนคลับช่วยสร้างความอดทนให้แก่ผม ช่วยสร้างคุณสมบัติที่สามารถทำการแสดงได้ครับ
เคยบอกว่า กังวลว่าคนจะคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไป แต่คนเราก็เปลี่ยนไปได้ตามแต่ละสถานการณ์และสภาพแวดล้อมนะคะ
ผมเหมือนไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่ เวลาผ่านไป คนเราก็มักจะเปลี่ยนใช่ไหมล่ะครับ? เพียงแต่เปลี่ยนไปยังไง นั่นคือสิ่งที่สำคัญ สมมติว่าผมต้องเปลี่ยนไป ก็หวังว่าความตั้งใจ และเส้นทางที่ผมต้องการจะไม่เปลี่ยนไปครับ
มีภาพลักษณ์ที่อยากรักษาไว้มากที่สุดในฐานะนักแสดงไหมคะ?
จะไม่ฟังเรื่องราวของนักแสดงฝ่ายตรงข้ามครับ ถ้าการแสดงของใครสักคนดีและฉากนั้นโดดเด่น สิ่งนั้นไม่ใช่แค่เพราะคนๆนั้นแสดงได้ดี มันคือผลที่ได้จากแสดงร่วมกันครับ ถ้าเริ่มฟังเรื่องราวของนักแสดงฝ่ายตรงข้าม ก็อาจจะรู้สึกติดลบต่อกันและกันได้
เคยบอกว่า อยากเป็นนักแสดงที่เหล่าสตาฟและนักแสดงท่านอื่นอยากทำงานด้วย ตอนนี้มีหลายคนต้องการแบบนั้น ลองจัดอันดับ (คนที่อยากร่วมงาน) ได้ไหม?
ถ้าเกิดผมสามารถเลือกได้ ผมก็อยากทำงานกับคนที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน เพราะมีความเชื่อมั่นในกลุ่มคนที่เคยทำงานร่วมกันครับ
ถ้าไม่ได้แสดงละคร คิมซอนโฮตอนนี้ จะมีภาพลักษณ์แบบไหนคะ?
ทุกคนก็น่าจะใช้ชีวิตและคิดว่าเป็นตัวเอกของชีวิตตัวเอง ผมเองก็น่าจะทำงานที่บริษัทด้วยความคิดแบบนั้นเหมือนกันมั้งครับ จริงๆก็ไม่แน่ใจเลย ถ้าไม่แสดงละคร จะทำอะไรได้ดีนะ? ผมไม่มีอะไรที่จะเรียนรู้นอกจากการแสดง คิดไม่ออกเลยว่าอยากทำอะไรอย่างอื่น การทำได้ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ว่าการตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันทำงานนี้ จะชอบและมีความสุขไหมนะ?’ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน พอคิดแบบนั้น ก็เลยไม่ยอมแพ้ และคิดว่าการแสดงคือสิ่งที่ทำได้ดีในตอนนี้
ผู้คนให้ความสนใจกับผลงานเรื่องต่อไป หลังจากแสดงละคร <STARTUP> แต่ว่าก็กลับไปแสดงละครเวทีอีกครั้ง
ละครเวทีนั้นดีตรงที่ช่วยให้พัฒนาความสามารถในการมองภาพรวม เซนส์ และปฎิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติในฐานะนักแสดง ความลึกซึ้งของการแสดงก็แตกต่างกัน ที่ละครเวที จะมีคนที่สนับสนุน และดูผมโดยไม่มีอคติเสมอ ถ้าผมยอมรับคำแนะนำของใครสักคน ผมยินดีที่จะคิดว่า ‘ยังทำไม่ค่อยดีสินะ’ และคิดว่ายังมีหนทางที่ผมสามารถพัฒนาตัวเองได้
แม้จะได้รับอะไรหลายอย่างในฐานะนักแสดงจากละครเวที แต่ว่าเสน่ห์ของผลงาน <ICE> ก็น่าจะมีผลต่อการแสดงเช่นกัน?
เป็นละครที่มีตัวเอก 2 คน แต่ละบทจะมีนักแสดงเล่น 3 คน ในละครจะมีเด็กหนุ่มชื่อว่า ‘ฮยอก’ ที่ถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกรในคดีฆาตกรรม แต่ผู้ชมจะไม่เห็นเขา จะสามารถรู้ว่าเขามีตัวตนผ่านทางสายตาและบทของผมเท่านั้น ไม่มีคำพูดอะไรเลย ผู้ชมจะเห็นแต่สิ่งที่ผมวาดภาพให้ มันน่าสนใจมากๆครับ ยิ่งเป็นผลงานของผู้กำกับจางจิน ยิ่งทำให้อยากร่วมงานด้วยครับ ผมชอบดูละครเวทีที่เขากำกับทุกเรื่อง มีเรื่อง <Secret of Flower> ที่ผมชอบมากขนาดดู 2 รอบ เพราะเป็นผู้กำกับที่เก่งและสนุกสนาน เลยทำให้คาดหวังมากครับ
ได้ยินมาว่า ชอบขั้นตอนอ่านบทร่วมกันก่อนถ่ายทำ และไปเลี้ยงสังสรรค์กับสตาฟมาก การเป็นลูกคนเดียวทำให้ชอบสถานที่จอแจเต็มไปด้วยผู้คนหรือเปล่าคะ?
ผมสนุกกับการฟังสิ่งที่คนอื่นพูดตรงนั้นมากกว่าเรื่องอื่นครับ การที่คิดแตกต่างจากผมแม้จะอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน สิ่งเหล่านั้นน่าสนใจ และชอบที่ทำให้สนิทกับผู้คนมากขึ้นด้วยครับ ในอีกด้านก็จะคิดว่า ‘ฉันได้ร่วมสร้างผลงานกับกลุ่มคนที่สุดยอดแบบนี้’ เมื่อก่อนผมคิดว่า ผมชอบการอยู่คนเดียว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ผมน่าจะชอบการที่มีใครสักคนมาดูแล ฮ่าฮ่า การที่มีคนดูแล และสนิทกันมากขึ้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีครับ
ปี 2020 นี้น่าจะพิเศษมากกว่าปีอื่นๆ
เป็นปีที่ทำให้ผมรู้ได้อีกครั้งว่าคนรอบตัวให้ความรักและช่วยเหลือผมมากแค่ไหน และทำให้มั่นใจว่าผมเป็นคนที่มีความสุขมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นก็เลยมีช่วงที่ซึ้งๆอยู่ครับ ปี 2021 นี้ ผมอยากตอบแทนความรักที่ได้มา ผมจะมาพบเจอทุกท่านที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนผม ด้วยผลงานและภาพลักษณ์ที่ดีแน่นอนครับ
มีจุด (ไฝ) อยู่ที่ใต้ตา ปกติเป็นคนร้องไห้เยอะหรือเปล่าคะ?
ไม่เยอะนะครับ แต่ว่าคนจาก <2 Day & 1 Night> ชอบส่งซิกตลอดเลยช่วยไม่ได้ ผมไม่ค่อยร้องต่อหน้าผู้คน และตั้งใจร้องไห้แค่ตอนที่แสดงครับ ไม่ได้ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ไม่มีทาง! ฮ่าฮ่า
นิตยสาร cosmopolitan / January 2021
Credit : https://www.cosmopolitan.co.kr/article/50825