คิมซอนโฮกล่าวว่า “ผมเป็นคนช้าๆ โอกาสมาไวกว่าที่คิด ดีเกินสำหรับผมมาก” ดังนั้น คิมซอนโฮตอนนี้จึงพยายามทำเต็มที่ที่สุดในทุกช่วงเวลา นั่นเพราะคิมซอนโฮหวังว่าคนที่อยู่รอบตัวจะไม่มีความสุขหรือลำบากเพราะเขา
คิมซอนโฮเป็นนักแสดงมากว่า 10 ปี โดยแสดงละครเวทีมามากกว่า 8 ปี และเริ่มแสดงละครโทรทัศน์มาได้ 2 ปี รูปร่างที่น่ารักและสะอาดเรียบร้อย แต่ก็ดูเข้มแข็งไปในตัว นั่นเพราะว่าเขามีประวัติที่น้อยคนจะเดินผ่านเส้นทางนั้นมา ประวัติที่ผ่านมานั้น ได้กลายเป็นเส้นทางให้แก่คิมซอนโฮ เส้นทางที่กำลังมุ่งตรงไปทิศทางใหม่ที่เรียกว่า ‘ละครโทรทัศน์’ เมื่อสอบถามคิมซอนโฮที่กำลังยืนอยู่บนเส้นทางแปลกใหม่นี้ ว่ายังคงรู้สึกยากและเหนื่อยกว่าที่คิดไหม โชคดีที่คิมซอนโฮตอบว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาร่วมกันกับรุ่นพี่ และเหล่านักแสดงที่น่าเคารพ ช่วยสร้าง ‘ความมั่นใจ’ ให้แก่เขา คิมซอนโฮดูมีความมั่นใจกับเส้นทางที่เดิน คิมซอนโฮตอนนี้ กำลังพิสูจน์ ‘ช่วงเวลา’ ที่ผ่านมา
ได้เข้าร่วมแสดงละคร <Catch the Ghost> ละครวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง tvN เรียกได้ว่าเป็น ‘ละครสืบสวนโรแมนติก’ ?
เป็นแนวที่สนุกใช่ไหมครับ? พื้นฐานของละครก็คือ โรแมนติกคอมเมดี้ครับ ชื่อเรื่อง <Catch the Ghost> มีอยู่ 2 ความหมาย แม้ว่าจะมีผี (ยูรยอง) อยู่ในรถไฟใต้ดิน แต่ตัวละครที่คุณมุนกึนยองแสดง ก็ชื่อว่า ‘ยูรยอง’ เหมือนกัน แม้ว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังไม่ได้ แต่ความสนุกหลากหลายมีอยู่ในละครเหมือนกับชื่อเรื่อง โดยส่วนตัว เรื่องนี้เป็นผลงานที่คาดหวังมากตั้งแต่เปิดเรื่องครับ
ได้รับบทเป็น ‘โกจีซอก’ หัวหน้าตำรวจรถไฟใต้ดิน
ตัวละครชื่อ ‘โกจีซอก’ ก็เป็นตัวละครที่มีนิสัยตรงไปตรงมาเหมือนกับชื่อเลยครับ ฮ่าฮ่า! อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นคนขี้ขลาดตาขาว พอถอดหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ก็เป็นตัวละครที่ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยสุดๆ ตรงกันข้ามกับ ‘ยูรยอง’ ที่เป็นคนกล้าเสี่ยง และกระตือรือร้นมากๆ พอคาดเดาได้ใช่ไหมครับ? เป็นละครที่ถ่ายทอดตัวละครที่แตกต่างกันสองคนมาเจอกันได้อย่างน่าสนใจครับ
คิมซอนโฮกับมุนกึนยอง เรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ ‘ตลกแบบเศร้าๆ’ เหมือนทอมแอนด์เจอร์รี่ไหม?
ใช่ครับ เป็นความสัมพันธ์ที่เข้ากันไม่ได้แต่ไม่ได้เกลียด! หัวหน้า ‘โกจีซอก’ จะขี้ขลาด และขี้กลัวมากๆ ส่วน ‘ยูรยอง’ เพิ่งเข้ามาร่วมเป็นตำรวจรถไฟใต้ดิน แต่กระตือรือร้นมากๆ โกจีซอกก็ไม่สบายใจที่ยูรยองพุ่งไปโดยไม่กลัวอะไรเลยแม้จะเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยูรยองเป็นตัวละครที่ฉลาดและคิดเร็ว ในช่วงเวลาสำคัญก็มีพลาดบ้าง สุดท้ายก็เหลือแค่โกจีซอกที่เข้ามาสะสางให้
ถ้างั้น ไม่รวมตอนเป็นตัวละคร ‘ยูรยอง’ คุณเข้ากันได้ดีกับคุณนักแสดงมุนกึนยองไหม?
คุณมุนกึนยองเดบิวต์มาเกิน 20 ปีแล้ว เรียกว่าเป็นรุ่นพี่ใหญ่เลย พอมองแล้วเหมือนต้นไม้ที่ยืนได้อย่างมั่นคง รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งมากๆครับ ช่วงแรกที่ถ่ายทำละคร แม้จะมีลำดับขั้นในการทำงาน ก็ยังมีช่วงสั่นคลอนอยู่มาก แต่การแสดงอารมณ์ของคุณกึนยองไม่สั่นคลอนเลย คุณกึนยองที่อยู่ตรงข้ามมั่นคงทางอารมณ์มาก นักแสดงคนอื่น รวมถึงผม ก็ได้รับผลที่ดีมากไปด้วย บางครั้งคุณกึนยองก็เล่าว่าเหนื่อยบ้าง ไม่รู้บ้าง แต่ว่า…ไม่รู้สิครับ ฮ่าฮ่า ผมมองแล้วก็ยังเป็นนักแสดงที่แข็งแกร่งอยู่ดี เป็นนักแสดงควรค่าให้เรียนแบบหลายอย่าง
ตอนที่ได้รับบทเป็น ‘โกจีซอก’ ตีความตัวละครอย่างไร?
ช่วงแรกก็ยากครับ คาแรกเตอร์ ‘นักสืบ’ ต้องทำยังไงให้ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ผมเองก็กังวลว่าจะมีนักแสดงที่ดูเหมือนนักสืบมากกว่าผมไหม แต่ว่าโชคดีที่ ‘โกจีซอก’ ไม่ได้เป็นนักสืบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมากขนาดนั้น ต่อให้เป็นนักสืบ ก็มีข้อผิดพลาด และเรื่องที่กลัวได้เยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก็เลยเป็น ‘ นักสืบ’ ที่แตกต่างจากคนอื่นเล็กน้อย จากนั้นผมก็อยากแสดงออกให้ดูสนุกสนานมากขึ้น การตีความตัวละครเป็นเรื่องสำคัญ แต่เพราะตัวละครเองก็ดีมากจนสามารถแสดงได้อย่างไม่มีความกังวล
เป็นนักแสดงมา 10 ปีแล้ว ในช่วงเวลานั้น แสดงละครเวทีมา 8 ปี ไม่รู้สึกแปลกกับละครโทรทัศน์เหรอคะ?
ตั้งแต่เริ่มแสดงผ่านสื่อโทรทัศน์มา ตอนนี้ 2 ปีกว่าแล้ว ถ้าถามว่ามีส่วนไหนที่แตกต่างจากละครเวที ก็คือส่วนใหญ่เวลาเล่นละครเวที จะต้องแสดงไปด้วยและมองเห็นผู้ชมด้วย เห็นลักษณะการพูด ท่าทาง การแสดงสีหน้าทั้งหมด แต่ว่าไม่สามารถเห็นการแสดงของตัวเองได้ ผมแสดงสีหน้าไปแบบไหน หรือแสดงอารมณ์ผ่านคำพูดไปอย่างไร ไม่สามารถเช็คดูได้ ตอนที่เริ่มแสดงละครโทรทัศน์ ผมคิดถึงตรงส่วนนี้ แม้การแสดงก็คือการแสดง แต่พฤติกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติ ก็ไม่ได้มาเช็คดูแบบนี้ ตอนนั้นที่รู้สึกได้เยอะเลยครับ ผมคิดว่า ‘ต้องใช้ความใส่ใจมากขึ้น นอกเหนือจากการแสดง’ พฤติกรรมของผมที่ชอบแสดงออกทางสีหน้า ผมก็เพิ่งมารู้ตอนที่เริ่มแสดงละครโทรทัศน์
ถ้าเช่นนั้น ช่วงเวลา 8 ปี ที่แสดงละครเวที ก็เป็นช่วงเวลาเติบโตที่สำคัญของคิมซอนโฮ
แน่นอนครับ ถ้าไม่มีช่วงเวลานั้น ก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ประสบการณ์จากละครเวทีเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่เห็นได้ชัดสำหรับผม เป็นกระบวนการที่จำเป็น ผมคิดว่า ช่วงเวลาเหล่านั้นได้นำพาผมมาถึงจุดนี้ครับ เร็วมากๆ ผมเป็นคนช้าๆ ตอนนี้ก็ยังคงต้องพูดแบบนี้อยู่ว่า โอกาสค่อนข้างมาเร็วกว่าที่คิด มากเกินไปด้วยซ้ำครับ เพราะว่ามีเพื่อนๆนักแสดง และรุ่นพี่ที่น่านับถือแสดงร่วมกันมา ผมคิดว่า ทุกคนช่วยให้ผมเติบโตได้มากขนาดนี้ครับ
“พฤติกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สิ่งที่สามารถตรวจเช็คได้”
“เพิ่งรู้ตอนที่เริ่มแสดงละครว่ามีพฤติกรรมชอบแสดงออกทางสีหน้า”
ตอนที่คิมซอนโฮเริ่มแสดงละครเวที กับตอนนี้ที่ผ่านมา 10 แล้ว มีเป้าหมายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยไหม?
เป้าหมายที่ผมไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เริ่มแสดง จนถึงตอนนี้ คือ ‘อยากเป็นนักแสดงที่ได้ร่วมแสดงในผลงานหน้าอีก’ แม้ว่าทุกอาชีพจะเป็นแบบนั้น แต่สำหรับการแสดงมันไม่ง่ายเลยจริงๆ มันเหนื่อยและยาก เพราะฉะนั้นเลยอยากเป็นนักแสดงที่ดีกว่าเดิมเสมอครับ คิดอย่างเต็มที่ ตีความ แล้วแสดงออกมา ผมอยากเป็นนักแสดงที่ดีแบบนั้นครับ ‘อยากเป็นนักแสดงที่ได้ร่วมแสดงในผลงานหน้าอีก’ นั้น รวมถึงทัศนคติการแสดง และความหมายของการใช้ชีวิตด้วยครับ การเป็นนักแสดงแบบนั้นคือเป้าหมายของผม และเป็นเช่นนั้นตลอดมา
คนรอบตัวบอกว่าคิมซอนโฮเป็นนักแสดงแบบไหนคะ? มีคำติชมอันไหนที่อยากเก็บรักษาไว้ไหม?
เคยมีคนบอกว่า เป็นนักแสดงที่สุขุมครับ ได้ยินมาว่ารับมือได้อย่างสุขุมตามสถานการณ์ของละคร คำชมก็ไม่ได้ถึงขนาดปลาวาฬเต้นได้หรอก แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ผมก็มีการเตรียมตัวอย่างละเอียด แต่ว่าผมเตรียมตัวอย่างหนักมากกว่าเดิม เพื่อที่จะไม่ตระหนกกับซีนทั้งหมดที่ผมต้องเผชิญ ได้รับคำชมมาแล้ว ก็ต้องทำให้ดีแหล่ะเนอะ? ฮ่าฮ่า
ในภายหน้า มีคำติชมไหนที่อยากได้รับไหม?
ตอนที่สวมบทตัวละคร แล้วได้รับคำชมประมาณว่า ‘นี่ ตัวละครนี้ ถ้าไม่ใช่คิมซอนโฮเล่น ก็ไม่มีใครเล่นได้แล้วนะ’ หรือ ‘คิมซอนโฮคือตัวละครนั้น’ ถ้าเกิดได้เจอตัวละครแบบนั้น จะเป็นยังไงนะ? แม้จะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่น่าจะรู้สึกดีมากแน่ๆ เป็นโชคดีเลยแหล่ะ!
ที่มา https://www.smlounge.co.kr/arena/article/43135